Business Today Thai Politics 14 สิงหาคม 2568
“บิ๊กกุ้ง” เผยถวายรายงานสถานการณ์ชายแดน “ในหลวง” ทุกวัน
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดกิจกรรม “สาธิตเกษตรรวมใจสู่แนวหน้าปลูกต้นกล้าแทนคุณแผ่นดิน” โดยมีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อ เรื่องเล่าจากแนวหน้าและการรักษาอธิปไตยของชาติ
โดยพลโทบุญสิน เล่าถึงสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบัน ว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาเห็นน้องๆ ทำกิจกรรมในวันนี้ ได้ร้องเพลงชาติร่วมกัน ธงชาติอยู่ข้างหลัง 16 ผืน 5 แถบ 3 สี กว่าจะได้แผ่นดินมาบรรพบุรุษเสียชีวิตเลือดเนื้อมากี่คนแล้ว แผ่นดินนี้ที่น้องๆ ได้นั่งอยู่ตรงนี้ เหลือเท่านี้บรรพบุรุษเราทำอะไรไว้บ้างรู้หรือไม่ แต่ก็ภูมิใจ ลุงแม่ทัพได้คุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้ถามว่ามีวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย มีวิชาศีลธรรมหรือไม่
ซึ่งตนจะถามเสมอเมื่อไปพบปะที่โรงเรียนว่าได้สอน 2 วิชานี้หรือไม่ ทั้งนี้มนุษย์ถ้าไม่มีศิลธรรมในจิตใจก็ไม่ค่อยมีค่าสักเท่าไหร่ ไม่มีจิตสำนึกของความรักชาติรักแผ่นดิน ความเสียสละ ประเทศชาติก็วุ่นวายล่มสลาย มีแต่กอบโกยผลประโยชน์เห็นแก่ตัวเห็นแก่พวกพ้อง เห็นเงินเป็นใหญ่ สิ่งเหล่านี้คือลูกหลานทุกคนของโรงเรียนแม่ทัพมั่นใจว่าทุกคนเป็นคนดี
เราเป็นคนดีอยู่ที่ไหนไม่ต้องกลัว เพราะเราคิดดี ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นศาล ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเขาด่า แม่ทัพไม่เคยกลัวใครในโลกนี้ เพราะเราคิดดีต่อประเทศชาติและต่อแผ่นดิน และพี่น้องประชาชน จะดังจะเด่นขนาดไหนไม่เคยคิดเอาเรื่องนั้นมาหาผลประโยชน์ นี่คือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเป็นคน แม่ทัพมั่นใจว่าครูและอาจารย์สั่งสอนเด็กๆ มาดี
แม่ทัพภาคที่ 2 บอกกับนักเรียนว่าเมื่อมีการปะทะกันลุงแม่ทัพจึงขอแผ่นดินคืน มีการยึดคืนเกือบทั้งหมด โดยใช้เวลา 5 วัน 4 คืน ได้มาเท่านั้นถือว่าถือว่าเต็มที่แล้วสำหรับทหารในการทวงพื้นแผ่นดินคืน เช่น ภูมะเขือ ได้ที่ดินคืนประมาณเกือบ 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นที่สูง มีทัศนียภาพที่ดี และยังมีหลายพื้นที่ที่เรายืนหยัดในเส้นเขตแดนของเรา
ซึ่งการประทะกันเป็นธรรมดาที่ต้องมีการบาดเจ็บ ล้มตายทั้งสองฝ่าย ซึ่ง 15 วีรชนที่ได้มีการสดุดี ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะเขามีความกล้าหาญ เป็นตัวแทนของคนไทยทุกคน ถือเป็นคนเสียสละที่หายากในยุคนี้ และเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ตนได้ไปเยี่ยมทหารที่ประสบเหตุจากการเหยียบทุ่นระเบิด ทหารเราเสียสละ เขายิ้มไม่เสียใจ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และจะมีการจัดหาขาเทียมที่ดีที่สุดให้ โดยตนได้บอกว่าไม่ต้องห่วง หากอยากเป็นทหารต่อก็ได้หรือจะพักผ่อนแล้วให้ญาติมาเป็นทหารต่อก็ได้ กองทัพจะดูแลอย่างดีที่สุด เพราะเขาได้ทำดีที่สุดแล้ว
ส่วนขณะนี้ทหารชายแดนเป็นอย่างไรบ้าง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า พี่ๆ ทหารฝากถามพี่น้องคนไทยว่าสู้หรือไม่ ถ้าพี่น้องคนไทยและลูกหลานเราสู้ ทหารก็สู้เช่นเดียวกัน ซึ่งทหารบอกไม่ต้องห่วง แม้กระทั่งวันแม่แห่งชาติ (12 ส.ค.) “ก็ฝากความคิดถึงมาหาคุณแม่ที่อยู่ด้านหลัง บอกแม่ไม่ต้องห่วง ผมทำหน้าที่อย่างเต็มที่” ขอแค่กำลังใจจากพี่น้องคนไทยทุกคน ซึ่งมีทหารบางคนบาดเจ็บยังไม่หายไข้ แต่ขอลงไปสู่แนวรบใหม่ เนื่องจากเป็นห่วงเพื่อนห้วงพี่ เมื่อถึงเวลาจิตวิญญาณของพระนเรศวรต้องมาอยู่กับเรา ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าทหารไทยจะสู้หรือไม่ เพราะมีความชัดเจนอยู่แล้ว เพื่อแผ่นดินนี้ที่บรรพบุรุษเรารักษาไว้ เราจะต้องปกป้องใครที่เข้ามาในเขตแดนจะต้องผลักดันออกไป เราไม่ได้ไปรุกรานประเทศอื่น ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำคือรบในประเทศเท่านั้น
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา ท่านได้สอบถามสถานการณ์ไปที่แม่ทัพทุกวัน โดยกองงานฯ ได้สอบถามสถานการณ์จากแม่ทัพ และได้รายงานทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย และตั้งแต่ประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์ทรงจะเป็นองค์นำกองทัพ และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน และปัจจุบันเรายังอยู่หน้าที่หน้าแนว แม้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็พร้อม ไม่ว่าจะยุตติก็ได้หรือจะรบต่อก็พร้อม
นอกจากนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าขวัญกำลังใจหารทุกคนยังดี ขอให้ลูกหลาน และน้องๆ บอกคุณพ่อคุณแม่ เมื่อกลับไปบ้าน ว่าลุงแม่ทัพกุ้งและทหาร จิตใจกำลังใจดี และขอให้คุณพ่อคุณแม่เชียร์ด้วยนะครับ“
รัฐบาลมอบ กรมโยธาฯ ตั้งศูนย์สำรวจความเสียหายจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
ทำเนียบ วันนี้ ( 14 ส.ค.) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตั้งศูนย์ตรวจสอบอาคาร เพื่อซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด
ซึ่งจากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นพบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ จำนวน 307 หลัง สถานที่ราชการ (โรงเรียน โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล วัด) จำนวน 7 แห่ง สถานที่เอกชน (ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ) จำนวน 2 แห่ง ปศุสัตว์ (วัว กระบือ แพะ ไก่) จำนวน 39 ตัว และสิ่งสาธารณประโยชน์ (ถนน) จำนวน 1 แห่ง
นายอนุกูล กล่าวว่า กรมโยธาฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 จังหวัด ได้ประสานความร่วมมือมอบหมายให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกรมโยธาฯ ได้ร่วมกับวิศวกรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และวิศวกรอาสาของเอกชนในพื้นที่
ทำการสำรวจตรวจสอบประเมินสภาพความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมออกแบบ และประมาณราคาค่าซ่อมแซม โดยให้เป็นไปตามระเบียบของราชการ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ครอบคลุมอย่างเร่งด่วน โดยได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานความมั่นคงเรียบร้อยแล้ว
ในกรณีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง กรมโยธาฯ ได้มีการออกแบบอาคารไว้กว่า 10 แบบ เพื่อให้ประชาชนพิจารณาในการก่อสร้างทดแทนหลังเก่า ซึ่งทั้งราคาและขนาดจะมีความใกล้เคียงกับหลังเดิม คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และเมื่อทำการสำรวจความเสียหายเสร็จสิ้น จะนำข้อมูลสรุปผลความเสียหายพร้อมประมาณราคาซ่อมแซมทั้งหลังให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดไปพิจารณางบประมาณเยียวยาต่อไป
“ภารกิจซ่อมแซมบ้าน มุ่งหวังให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาใช้ชีวิต มีที่อยู่อาศัยตามปกติ โดยรัฐบาลเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้ง 7 จังหวัดชายแดน ให้มีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและปลอดภัย” นายอนุกูล กล่าว
โฆษกรัฐบาลชี้ “แรงงานกัมพูชา” ทะลักกลับไทย โดนหลอกให้กลับบ้านไม่มีกิน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก ฝ่ายความมั่นคง พบว่าในช่วงนี้มีแรงงานชาวกัมพูชาลักลอบใช้ช่องทางธรรมชาติ หลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) รายงานว่า
ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวนมากหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้นำรัฐบาลกัมพูชาได้เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในไทยเดินทางกลับประเทศ โดยบอกว่าหากกลับบ้านจะมีงานให้ทำ มีเงินใช้ ทำให้มีแรงงานเดินทางกลับประเทศจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าเมื่อเดินทางกลับ กลับไม่เป็นอย่างที่แจ้งไว้ จึงจำเป็นต้องลักลอบเดินทางกลับเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการในการตรวจตราอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ 2 ฉบับของกระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงแรงงาน (รง.) ที่อนุญาตคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ที่ครบวาระการจ้างงานหรือการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดลง แต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ นั้น ได้อนุญาติให้สามารถทำงานในประเทศไทยต่ออีก 6 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม ทำให้คนต่างด้าวดังกล่าวที่ประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถทำงานในประเทศไทยได้เป็นกรณีพิเศษ ตามที่ประกาศไว้”
“แม้จะมีการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม แต่ไทยยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการคุ้มครองความมั่นคงของประเทศและการบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลขอยืนยันว่า ยังคงปฏิบัติระหว่างกันด้วยหลักมนุษยธรรม และยังคงช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชาทุกประการ ตามหลักกฎหมายของประเทศไทย เพื่อให้อยู่ทำงานและอาศัยบนแผ่นดินไทยได้อย่างปลอดภัย” นายจิรายุ กล่าว
ประธาน กกต. เผยความพร้อมเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย 14 ก.ย.
โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ วันนี้ ( 14 ส.ค.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเลือกตั้งซ่อม สส.จังหวัดเชียงราย เขต 7 และ สส.จังหวัดศรีสะเกษ เขต 5 ว่า การเลือกตั้งซ่อม สส.จังหวัดเชียงรายได้กำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 14 กันยายน 2568 และกำหนดวันรับสมัครตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม จนถึงวันที่ 17 สิงหาคมนี้ จำนวน 5 วัน
ซึ่งเมื่อวานนี้มีผู้สมัครจำนวน 1 คน สำหรับความพร้อมได้เตรียมไว้ตามลำดับ ส่วนเรื่องบุคลากรมีความพร้อมมากทำไปเกือบเสร็จหมดแล้ว เหลือเพียงการตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า รวมถึงเรื่องบัตรเลือกตั้งก็ไม่มีปัญหา
ซึ่งพื้นที่จังหวัดเชียงราย เขต 5 มีหน่วยเลือกตั้ง 285 หน่วย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 130,000 คน คาดว่าจะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ในวันนั้น ในเวลาประมาณ 22.00 น. เพราะมีพื้นที่เพียง 5 อำเภอและจะพยายามทำระบบรายงานผลการนับคะแนนในคืนนั้นด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ ถ้าทำได้ก็จะได้ติดตามรับทราบผลการเลือกตั้งระหว่างนั้นได้ทันทีในวันเลือกตั้ง
ประธาน กกต. กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม สส. จังหวัดศรีสะเกษ เขต 5 ว่า เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.)ทางสำนักงานและเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับรายงานจากผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้น ประชาชนได้ย้ายออกตากศูนย์พักพิงของ 2 อำเภอไปแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ จึงอยู่ระหว่างการประเมินกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดศรีสะเกษถ้าเห็นว่าสถานการณ์ปกติปลอดภัยพอที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้แล้ว กกต.จะรีบประกาศวันเลือกตั้ง ซึ่งต้องติดตามกันวันต่อวัน
“สนธิญา” ร้องศาลรธน. “พีระพันธุ์-ภรรยา” ถือครองหุ้นขณะดำรงตำแหน่ง รมต.
ศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ ( 14 ส.ค.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรื่องการถือหุ้นบริษัทเอกชนขณะการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายสนธิญา ระบุว่า หลังจากที่ตนได้ยื่นเอกสารไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินและอัยการสูงสุด เมื่ออาทิตย์ที่แล้วตนได้ไปร้องศาลปกครองกลางกรณีนายพีระพันธุ์ กำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปล่อยให้มีการเซ็นสัญญาโรงงานไฟฟ้าเอกชน 5,302 เมกะวัตต์ วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา
ขณะที่ไฟฟ้าสำรองของไทยเกินอยู่ 36% สัญญาตัวนี้จะทำให้ไฟฟ้าสำรองเพิ่มขึ้น 50% มีสัญญาระยะยาว ทำให้ราคาไฟฟ้าแพงขึ้น กรณีการเซ็นสัญญาโดยคัดคุณสมบัติไม่ใช่การประมูล ตนขอให้ศาลปกครองกลางคุ้มครองชั่วคราวและยกเลิกการเซ็นสัญญาดังกล่าว ต้องขอฝากถึง นายพีระพันธุ์ที่บอกว่าจะทำให้ราคาค่าไฟต่ำลง ตนขอถามว่าไปอนุญาตให้เซ็นสัญญาเกี่ยวกับไฟฟ้าเอกชนได้อย่างไร
สำหรับประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ในคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ชี้ว่าการกระทำดังกล่าวของนายพีระพันธุ์ ให้ กกต. สามารถยื่นมาที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ สัปดาห์หน้าตนจะไปยื่นให้ กกต. เร่งรัด ไม่ว่าจะเป็นที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน อัยการสูงสุด และ กกต. สุดท้ายจะมาจบที่ศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด
เมื่อถามว่า คาดการณ์ไว้หรือไม่ว่า นายพีระพันธุ์ จะผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกี่ข้อ นายสนธิญา เผยว่า ตนไม่ได้เป็นผู้พิจารณาว่าผิดหรือไม่ผิด แต่กรณีนี้ตนนับถือท่านเป็นการส่วนตัว เคยทำงานตอนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตนเรียกร้องมาตั้งแต่แรก 1.ขอให้ชี้แจงถึงการถือหุ้น 2.ขอให้ชี้แจงที่เป็นหุ้นส่วนกรรมการที่มีอำนาจในบริษัทโดยเฉพาะบริษัทของมารดา 3.กรณีบริษัทผู้รับถือหุ้นของบริษัทภรรยานายพีระพันธุ์ เขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามโอนย้ายถ่ายเทให้บุคคลนอก เมื่อโอนไม่ได้ก็จะกลับไปสู่ภรรยาของนายพีระพันธุ์ ดังนั้น นายพีระพันธุ์ถือหุ้นตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จะผูกพันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. เรื่องการถือหุ้นของคู่สมรส
อีกทั้งการแต่งตั้งหลายๆ บุคคล เพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับ หากศาลรัฐธรรมนูญรับตนมีคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวให้นายพีระพันธุ์ ยุติการปฎิบัติหน้าที่ ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง และจะสิ้นสุดเมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสุด ผลจะออกมาอย่างไรก็ตามถ้าศาลบอกว่าไม่ผิด นายพีระพันธุ์สามารถกลับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ แต่ถ้าศาลพิจารณาวินิจฉัยว่าทำการขัดต่อกฎหมาย นายพีระพันธุ์จะไม่สามารถรับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ตลอดชีวิต
หลังจากที่เคยร้องทั้ง ป.ป.ช. จนมาถึงขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ ทำไมนายพีระพันธุ์ ถึงไม่เคยออกให้สัมภาษณ์หรือชี้แจงอะไรบ้าง นายสนธิญา เผยว่า มีข้อติดขัดในใจว่าทำไมนายพีระพันธุ์ ไม่เคยออกมาแถลงในทุกประเด็น คนใกล้ตัวที่ร่ำรวยมหาศาลก็ไม่เคยมีออกมาแถลงอะไร ตนพยายามเรียกร้องทุกครั้งที่สื่อมวลชนถาม ตนอยากให้นายพีระพันธุ์แถลงจะได้จบ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเคลือบสงสัย กรณีที่ตนยื่นหากครบ 60 วัน กฎหมายก็เดินไปเรื่อยๆ เมื่อเดินมาถึงขนาดนี้ตนจำเป็นต้องขอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนดูเหมือนบานปลายหรือไม่นั้น ถึงวันนี้นายพีระพันธุ์ คงจะมีปัญหาโดยเฉพาะ กกต. เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ว่ากรณีดังกล่าวได้สอบที่ กกต. ต้องดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน ตนใช้สิทธิ์ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่สามารถชี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ตนก็มีสิทธิ์ที่จะร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยประเด็นต่างๆ ที่ตนยื่นไป เห็นชัดว่าตนเสียสิทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ตนผ่านการเลือกตั้ง เคยเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติตอนเลือกตั้งในปี 60 จึงมีสิทธิ์ที่จะร้องและเรียนถามการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรี