‘แม่ทัพภาค 2’ จัดให้พา ‘คณะทูตฯ’ ดูจุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดพรุ่งนี้
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศเตรียมนำคณะทูตที่เป็นผู้แทนจากสถานทูตประเทศภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ ที่บริเวณผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 16 ส.ค. เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ในพื้นที่ภูมะเขือ ว่า เราพร้อมอยู่แล้วที่จะให้ผู้แทนนานาชาติ เข้าไปดูพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ เราได้เก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งชี้ชัดได้ว่า ทหารกัมพูชา เป็นผู้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทย ทำทหารไทยบาดเจ็บหลายราย และมีทุ่นระเบิดที่เราเก็บได้ และจะพาไปดูจุดเกิดเหตุ ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ที่กัมพูชา วางเอาไว้ ซึ่งเป็นแผ่นดินไทย และเป็นระเบิดที่นำมาวางใหม่ ขณะนี้เราได้ทำการเคลียร์พื้นที่ปลอดภัยแล้ว
พล.ท.บุญสิน กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่อื่น ที่จำเป็นต้องใช้ทหารลาดตระเวนนั้น ในระหว่างนี้ สั่งการให้เฝ้าตัวทางไกลก่อน ยังไม่ให้เข้าไปพื้นที่ หากเครื่องมือ อุปกรณ์ การตรวจทุ่นระเบิด ยังไม่เพียงพอ แต่หากมีความจำเป็นต้องลาดตระเวน ให้ใช้เทคโนโลยี โดรน เฝ้าตรวจไปก่อนแทนการลาดตระเวน เพราะไม่คุ้ม พร้อมทั้งใช้ลวดหนามหีบเพลง ที่ได้รับบริจาคกับประชาชนขวางกั้นให้ทั่วถึงทั้งหมด
เมื่อถามถึงกรณีโซเชียลมีเดียแชร์รั้วลวดหนามหีบเพลงที่แข็งแรงของประเทศเพื่อนบ้านกับกัมพูชา ของไทยมีโอกาสที่จะสร้างแบบนั้นได้หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการในอนาคต ซึ่งหากจะสร้างรั้วแบบนั้น ต้องได้รับความยินยอมกัมพูชา ซึ่งจะเห็นได้ว่า ประเทศเพื่อนบ้านเราทำได้ ซึ่งบางจุดที่มีการปักปันเขตแดนชัดเจนแล้วของไทย ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งอยากให้ทำ และทยอยทำไปเรื่อยๆ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ยอมรับว่าชายแดนไทย-กัมพูชา ยาวมากเกือบ 1,000 กิโลเมตร คือต้องใช้งบประมาณสูง หากทำได้เช่นนั้น จะสามารถแก้ไขปัญหาลดการลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ ใช้เทคโนโลยีเป็ดกล้องวงจรปิด ก็จะลดภาระงานของกำลังพล สำหรับปัญหาเรื่องโดรนบินล้ำแดน อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา.