Meta เตรียมเปิดตัวแว่น Hypernova มาพร้อมจอแสดงผล และสายรัดข้อมือ
Meta เตรียมเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ 2 รุ่น ในงานประชุมนักพัฒนา Connect ประจำปีที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายน โดยหนึ่งในนั้นคือแว่นตาสำหรับผู้บริโภคทั่วไปที่มาพร้อมจอแสดงผลเป็นครั้งแรก และสายรัดข้อมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานของแว่นด้วยท่าทางมือ ซึ่งอาจเป็นการปูทางไปสู่แว่นตา AR
23 สิงหาคม 2568 -สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Meta เตรียมเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะใหม่ 2 รุ่น โดย 1 ในนั้นใช้ชื่อรุ่นรหัสว่า“Hypernova” มาพร้อมกับจอดิจิทัลขนาดเล็กที่เลนส์ด้านขวา วางจำหน่ายในราคาราว 800 ดอลลาร์ ร่วมกับผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแว่นตารายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง EssilorLuxottica
โดย Meta มีแผนที่จะใช้การประชุม Connect ประจำปีในเดือนหน้านี้เพื่อประกาศการรุกคืบลึกยิ่งขึ้นสู่ตลาดแว่นตาอัจฉริยะ รวมถึงการเปิดตัวแว่นตาสำหรับผู้บริโภคที่มีจอแสดงผลเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ Meta ยังเตรียมเปิดตัวสายรัดข้อมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมแว่นด้วยท่าทางมือด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้งาน Connect เป็นการประชุม 2 วันที่จัดขึ้นสำหรับนักพัฒนา โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี Virtual Reality (VR), Augmented Reality (AR) และเมตาเวิร์ส เดิมทีถูกเรียกว่า Oculus Connect และเปลี่ยนชื่อมาเป็น Connect หลังจากที่ Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทแม่มาเป็น Meta ในปี 2021
Meta เริ่มวางจำหน่ายแว่นตาอัจฉริยะร่วมกับ Luxottica ตั้งแต่ปี 2021 เมื่อทั้งสองบริษัทเปิดตัว Ray-Ban Stories รุ่นแรก ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ถ่ายภาพหรือวิดีโอด้วยคำสั่งเสียงง่าย ๆ ความร่วมมือดังกล่าวได้ขยายตัวต่อเนื่อง และเมื่อปีที่แล้วได้รวมเอาฟีเจอร์ AI ขั้นสูงเข้าไปด้วย ทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นที่สองกลายเป็นที่นิยมเกินคาดในหมู่ผู้ใช้กลุ่มแรก
Luxottica เป็นเจ้าของแบรนด์แว่นตาหลายแบรนด์ รวมถึง Ray-Ban และยังเป็นผู้ได้รับสิทธิ์การผลิตจากแบรนด์อื่น ๆ อย่าง Prada ด้วย ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนว่า Luxottica จะใช้แบรนด์ใดสำหรับแว่นตา AR แต่จากประกาศรับสมัครงานของ Meta ที่โพสต์ในสัปดาห์นี้ ระบุว่า บริษัทกำลังหาผู้จัดการโครงการด้านเทคนิคสำหรับทีม "Wearables organization" ซึ่ง “มีหน้าที่รับผิดชอบแว่นตา Ray-Ban AR และฮาร์ดแวร์แบบสวมใส่อื่น ๆ”
ในเดือนมิถุนายน CNBC รายงานว่า Meta และ Luxottica มีแผนจะเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่ใช้แบรนด์ Prada แว่น Prada เป็นที่รู้จักในด้านกรอบและขาแว่นที่มีลักษณะหนา ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ Hypernova
และเมื่อปีที่แล้ว Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ใช้งาน Connect เพื่อโชว์แว่นตา AR รุ่นทดลองที่ชื่อ Orion โดย Orion มาพร้อมความสามารถด้าน AR ทั้งสองเลนส์ สามารถผสมผสานภาพดิจิทัล 3 มิติ เข้ากับโลกจริง แต่เป็นเพียงต้นแบบที่ใช้แสดงให้สาธารณะเห็นถึงศักยภาพของแว่นตา AR เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Orion ก็ช่วยสร้างแรงสนับสนุนเชิงบวกให้กับ Meta แม้ว่า Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลการสร้างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ จะขาดทุนไปเกือบ 70 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปลายปี 2020
สำนักข่าว CNBC ระบุว่า ทาง Meta ได้ได้คาดหวังว่ายอดขายแว่น Hypernova Meta จะสูงลิบ นั่นเพราะอุปกรณ์ใหม่นี้ต้องใช้ชิ้นส่วนมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ใช้เพียงเสียง และจะมีน้ำหนักมากกว่าและหนากว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ตามข้อตกลงขยายความร่วมมือระหว่าง Meta และ Luxottica ที่ประกาศในเดือนกันยายน Meta ได้ถือหุ้นประมาณ 3% ในบริษัท Luxottica ตามข้อมูลของ Bloomberg นอกจากนี้ Meta ยังได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการใช้แบรนด์ของ Luxottica สำหรับเทคโนโลยีแว่นตาอัจฉริยะเป็นเวลาหลายปี
สำนักข่าว CNBC ยังอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่ระบุว่า Hypernova จะมาพร้อมจอแสดงผล แต่ฟีเจอร์ด้านภาพยังคงมีข้อจำกัด โดยจอสีจะมีมุมมองการแสดงผลเพียงราว 20 องศา ซึ่งหมายความว่าภาพจะปรากฏในหน้าต่างเล็ก ๆ ตำแหน่งคงที่ และจะถูกใช้หลัก ๆ เพื่อแสดงข้อมูลง่าย ๆ เช่น ข้อความที่เข้ามา
Andrew Bosworth ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Meta กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า การใช้จอเดียวแทนที่จะเป็นสองจอมีข้อดีหลายประการ รวมถึงทำให้ราคาถูกลงด้วย
“จอแสดงผลแบบตาเดียว (monocular displays) มีข้อดีมากมาย มีราคาย่อมเยา น้ำหนักเบา และคุณไม่ต้องแก้ปัญหาความแตกต่างของการมอง (disparity correction) ดังนั้นโครงสร้างจึงง่ายกว่ามาก”
มีการอ้างอิงข้อมูลในจดหมายของสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ส่งถึงทนายความของ Meta แม้ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์จะถูกปกปิดไว้ แต่เชื่อว่าเป็นการอ้างอิงถึงแว่นตา Hypernova ของ Meta ที่จะมาพร้อมความสามารถในการถ่ายภาพ แชร์ภาพถ่ายและวิดีโอ โทรศัพท์ วิดีโอคอล ส่งและรับข้อความ ฟังการเล่นเสียง และโต้ตอบกับผู้ช่วย AI ในหลายรูปแบบและวิธีการ รวมถึงเสียง จอแสดงผล และการโต้ตอบแบบแมนนวล
โดยจดหมายจาก CBP เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารตามปกติระหว่างบริษัทเอกชนกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อตรวจสอบประเทศต้นกำเนิดของสินค้าเพื่อผู้บริโภค เอกสารดังกล่าวอ้างถึงผลิตภัณฑ์ว่าเป็น “New Smart Glasses” และระบุว่าอุปกรณ์จะมี “ฟังก์ชันจอเลนส์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับคอนเทนต์เชิงภาพที่มาจากคุณสมบัติอัจฉริยะ และชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดึง ประมวลผล และเรนเดอร์ข้อมูลภาพ”
[caption id="attachment_192771" align="aligncenter" width="1536"]
(AI Generated)[/caption]
แว่น Hypernova จะมาพร้อมสายรัดข้อมือที่ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาโดย CTRL Labs ที่ Meta ซื้อกิจการเมื่อปี 2019
โดย CTRL Labs เชี่ยวชาญด้านการสร้างเทคโนโลยีประสาท (neural technology) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ผ่านท่าทางแขน และสายรัดข้อมือนี้คาดว่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญของการป้อนข้อมูลสำหรับการเปิดตัวแว่นตา AR แบบเต็มรูปแบบในอนาคต
ดังนั้นการเก็บข้อมูลจาก Hypernova ตอนนี้อาจช่วยปรับปรุงเวอร์ชันในอนาคตได้ แทนที่จะใช้กล้องเซ็นเซอร์ติดตามการเคลื่อนไหวร่างกายเหมือนกับ Apple Vision Pro สายรัดของ Meta ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ sEMG ซึ่งอ่านและตีความสัญญาณไฟฟ้าจากการเคลื่อนไหวของมือ
แต่ความท้าทายที่ Meta อาจต้องเผชิญคือ วิธีที่ผู้คนจะใส่สายรัดตัวนี้ เพราะหากใส่หลวมเกินไป อุปกรณ์จะไม่สามารถอ่านสัญญาณไฟฟ้าของผู้ใช้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้สายรัดยังประสบปัญหาในการทดสอบเกี่ยวกับการสวมใส่บนแขนข้างใด ความแตกต่างในการใช้งานระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง และการทำงานกับผู้ที่ใส่เสื้อแขนยาวด้วย
ทีม CTRL Labs ได้เผยแพร่บทความวิชาการเกี่ยวกับสายรัดนี้ในวารสาร Nature เมื่อเดือนกรกฎาคม และ Meta ก็มีการเขียนถึงเรื่องนี้ในบล็อกโพสต์ โดยทีมงานของ Meta อธิบายการใช้เทคโนโลยี Machine Learning เพื่อทำให้สายรัดสามารถใช้งานได้กับคนจำนวนมากที่สุด และการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากอุปกรณ์รุ่นที่จะออกมานี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของแว่นตาอัจฉริยะของ Meta ในอนาคต
Meta เขียนไว้ในโพสต์ว่า “เราประสบความสำเร็จในการสร้างต้นแบบสายรัดข้อมือ sEMG ควบคู่ไปกับ Orion ซึ่งเป็นแว่นตา AR แท้จริงคู่แรกของเรา แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ทีมงานของเราได้พัฒนาโมเดล Machine Learning ขั้นสูงที่สามารถแปลงสัญญาณประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือให้กลายเป็นคำสั่งที่ขับเคลื่อนการโต้ตอบของผู้คนกับแว่นตา โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวิธีการป้อนข้อมูลแบบดั้งเดิมที่ยุ่งยากกว่า”
ด้านสำนักข่าว Bloomberg รายงานเกี่ยวกับสายรัดนี้เมื่อเดือนมกราคมว่า Meta เพิ่งเริ่มติดต่อไปยังนักพัฒนาเพื่อเริ่มทดสอบทั้ง Hypernova และสายรัดข้อมือ โดย Meta ต้องการดึงดูดนักพัฒนาภายนอก โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญด้าน Generative AI เพื่อสร้างแอปทดลองที่ Meta สามารถนำมาโชว์เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับแว่นตาอัจฉริยะได้
นอกจาก Hypernova และสายรัดข้อมือแล้ว Meta อาจเปิดตัวแว่นอัจฉริยะรุ่นที่ 3 ที่ใช้เพียงเสียงร่วมกับ Luxottica ในงาน Connect ด้วย
โดยอ้างอิงจากจดหมายของ CBP ในเดือนกรกฎาคมเช่นกัน แว่นอัจฉริยะรุ่นนี้ ถูกเรียกว่า “The Next Generation Smart Glasses” ตัวแว่นตาจะมี “ชิ้นส่วนที่มอบฟังก์ชันสัมผัสแบบ capacitive touch ทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับแว่นตาอัจฉริยะผ่านท่าทางสัมผัส” ตามที่จดหมายระบุ
อ้างอิง: www.cnbc.com