ลาก่อนไม้งามริมทาง หลังทางหลวงเริ่มขยายถนน 304 ช่วงสุดท้ายเป็น 7 เลน
ฉะเชิงเทรา – ลาก่อนไม้งามริมทาง ที่เคยผลิดอกสะพรั่งเบ่งบานให้สีสันสวยงามแก่ผู้คนที่ผ่านไปมาได้ชื่นชมยามสัญจรผ่าน ในช่วงปลายฤดูหนาว หลังกรมทางหลวงเริ่มดำเนินโครงการให้ผู้รับเหมาตัดโค่นออกเกลี้ยง เพื่อขยายถนน 304 ช่วงตอนราชสาส์น-พนมสารคาม หรือจากสามแยกหนองปลาตะเพียนไปยังหน้าวัดโพธิ์ใหญ่ จาก 4 ช่องจราจรเป็น 7 ช่องจราจร ทำคนใช้ทางผ่านรู้สึกเหงาหงอยด้วยความเสียดาย
วันที่ 19 ส.ค.68 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทางหลวงโดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ได้เริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างขยายเส้นทางถนน 304 ช่วงตอนสามแยกหนองปลาตะเพียน ที่เริ่มต้นจาก ต.ท่าทองหลาง อ.บางคล้า ผ่านพื้นที่ ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น ไปยัง ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อขยายเส้นทางส่วนที่เหลือ ซึ่งถือเป็นจุดสุดท้ายในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ต้องการขยายจาก 4 ช่องจราจรเป็น 7 ช่องจราจร
หลังจากเส้นทางในจุดอื่นๆ บนถนนสาย 304 ได้มีการดำเนินการก่อสร้างขยายเส้นทางไปแล้วทั้งหมด ตลอดเส้นทางจากเขตมีนบุรี กทม. ไปจนถึงยัง ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม ก่อนมุ่งหน้าต่อไปยังในเขต จ.ปราจีนบุรี และ จ.สระแก้ว โดยส่วนที่เหลือนั้นมีระยะทางประมาณ 8.7 กม. จากบริเวณหลัก กม.ที่ 93+800 ไปถึงยังหลัก กม.ที่ 102+500 ตามสัญญาโครงการจาก 3 บริษัท ซึ่งแบ่งโครงการก่อสร้างเป็น 3 ช่วงตอน
ประกอบด้วยตอนที่ 1 ดำเนินการก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้าพีซีอี จากหลัก กม.ที่ 93+800 ไปยัง กม.ที่ 96+900 รวมระยะทาง 3.1 กม. ด้วยวงเงินตามสัญญา 891,689,500 บาท ตอนที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัทพรรณวรกิจก่อสร้างและขนส่งจำกัด จากหลัก กม.ที่ 96+900 ไปยัง กม.ที่ 99+900 รวมระยะทาง 3 กม. ด้วยวงเงินตามสัญญา 871,667,600 บาท ตอนที่ 3 ดำเนินการก่อสร้างโดยห้างหุ้นส่วนจำกัดไทพิพัฒน์ จากหลัก กม.ที่ 99+900 ไปยัง กม.ที่ 102+500 รวมระยะทาง 2.6 กม. ด้วยวงเงินตามสัญญา 712,999,000 บาท
ซึ่งโครงการก่อสร้างดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้รับเหมาต้องดำเนินการตัดโค่นไม้ยืนต้นดอกสวยงามริมทาง เช่น ตะแบก เสลา และชัยพฤกษ์ตลอดแนว 2 ข้างทางทิ้งทั้งหมด โดยที่ไม้ดอกดังกล่าวได้ให้สีสันเพิ่มความสวยงามสบายตาให้แก่ 2 ข้างทางริมถนนสายนี้มาอย่างยาวนาน เป็นเวลาหลายสิบปี ในช่วงปลายฤดูหนาวก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน ระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค. ของทุกปี ทั้งสีม่วงสดใส สีชมพู สีขาวและแซมด้วยสีเหลืองบางส่วน ซึ่งขณะนี้ยังคงหลงเหลือพันธุ์ไม้เหล่านี้อยู่แค่เพียงเฉพาะในร่องกลางถนนเท่านั้น และยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะถูกตัดโค่นทิ้งต่อไปอีกหรือไม่