"สุชาติ" เผย หลังลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ สั่งสอบเงิน-ที่มาของเงินมูลนิธิ ภายใน 10 วัน
วันนี้ (19 ส.ค. 68) นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ หลังวันนี้มาร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมการปกครอง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี เพื่อร่วมกันตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ ใน 3 เรื่อง คือ เงินสนับสนุนบำรุงวัดจากหน่วยงานภาครัฐ หรือเงินอุดหนุน ที่มาของเงินมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ในขณะนี้ เพราะวัดจัดตั้งขึ้นมา 5-6 มูลนิธิ เงินเป็นร้อยๆ ล้าน ยังอยู่ดีไหม ซึ่งเป็นส่วนของมหาดไทย แต่ในส่วนสำนักพุทธก็ไปตรวจสอบว่า ได้รับงบมาใช้ถูกต้องไหม เงินบริจาคเข้าวัดใช้ถูกต้องไหม
ซึ่งหลังจากได้รับกระแสข่าวที่ว่า หมอบีเปิดบัญชีตนเองเพื่อรับเงินมูลนิธิ ซึ่งเสร็จแล้วไปบริจาคให้หลวงพ่อ ซึ่งตรงนี้ไม่เหมาะ ไม่บริสุทธิ์ ไม่ถูกต้อง ทำไมไม่บริจาคให้วัดโดยตรง ทำไมต้องผ่านหมอบี แล้วการใช้จ่าย เอาเงินมูลนิธิ ไปจ่ายซื้อเครื่องมือแพทย์ จ่ายโน่นนี่ ตรงนี้ถามว่า มันถูกต้องตามวัตถุประสงค์ไหม ใช้เงินถูกต้องไหม มีมติกรรมการหรือไม่ ฝากผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมตรวจสอบ
โดยให้เวลาตรวจสอบเรื่องนี้ 10 วัน ขณะที่กองปราบได้ดำเนินการอยู่ ไม่ก้าวก่าย อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยได้ตั้งข้อสังเกต วันนี้เงินมูลนิธิเหลือไม่เท่าไหร่ หลายปีก่อนเราก็ไม่ทราบ วัดพระบาทน้ำพุดังมาก ในการรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ มีคนบริจาคเยอะมาก ผมก็หมด 99 บาท หลายครั้ง ตรงนี้ต้องไปดูเพราะทางอำเภอรับตรวจบัญชี มูลนิธีมีหน้าที่ส่งบัญชีรายรับรายจ่ายประจำปี ปีละครั้งเพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องไปดูข้อมูลว่าเป็นข้อสังเกตดี ฝากท่านด้วย อำเภอไหนที่มีจัดตั้งมูลนิธิก็ควรจะไปย้อนดูตั้งแต่แรก ฝากเป็นการบ้านดูตั้งแต่การรับบริจาคเลยว่าเขาใช้โฆษณาแบบใด บริจาคให้หลวงพ่อหรือไม่ต้องตรวจสอบ
ทั้งนี้ ในส่วนที่หลวงพ่ออลงกต ลาออก นายสุชาติ กล่าวว่า ท่านลาออกจากเจ้าอาวาสวัด ในส่วนของวัดก็ยังอยู่ โดยเจ้าคณะตำบลจะเป็นผู้แต่งตั้ง พระรูปใหม่มาดำรงตำแหน่งรักษาการแทน หรือเจ้าคณะตำบลจะเป็นเองก็ได้ ส่วนทรัพย์สินของวัดก็ยังอยู่เหมือนเดิม เป็นสาธารณสมบัติของวัด เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนกระแสข่าวที่มีการยุ่งเกี่ยวกับสีกา ได้ฝากสำนักพุทธจังหวัด โดยขณะนี้หลวงพ่ออลงกต ยังไม่ได้ติดต่อมา อาจจะติดภารกิจหรืออย่างไรไม่ทราบ
ส่วนเรื่องการศึกษา ฝากให้สำนักพุทธศาสนาตรวจสอบแล้ว หากผิดจริง การปลอมแปลงเอกสาร ก็จะถือว่าผิดทางวินัยสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม ส่วนถ้าผิดทางอาญา ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมาย ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ