‘เอกนัฏ’ ดัน!! ‘แผงโซลาร์เซลล์ – ที่ชาร์จรถ EV’ เป็นสินค้าควบคุมมาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้
(9 ส.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีไฟไหม้แผงโซลาร์เซลล์อยู่บ่อยครั้ง และนำมาซึ่งไฟไหม้บ้านเรือนของประชาชน สร้างความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจ ตลอดจนทรัพย์สิน ของประชาชนเป็นจำนวนมาก กระทรวงอุตสาหกรรม จึงมอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ควบคุมแผงโซลาร์เซลล์ทั้งที่ผลิตในประเทศ และนำเข้ามาจำหน่ายต้องได้มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้ “แผงโซลาร์เซลล์ หรือ แผงเซลล์แสงอาทิตย์” เป็นสินค้าควบคุมต้องได้มาตรฐาน จากเดิมที่ประกาศเป็นมาตรฐานทั่วไป ซึ่งมีผู้ผลิตภายในประเทศได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. แล้ว จำนวน 8 ราย
“ปัจจุบันแผงโซลาร์เซลล์เป็นสินค้าที่ประชาชนนิยมใช้ในการกักเก็บพลังงานทดแทน สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านจำหน่ายในท้องตลาด และผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่มีการตรวจสอบระบบการควบคุมคุณภาพ และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ ดังนั้น การที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม ก็จะสามารถกำกับดูแลสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันสินค้าที่ สมอ. ควบคุมมีจำนวน 147 รายการ ครอบคลุมสินค้ากว่า 300 ผลิตภัณฑ์ ที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อน หากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีเป็นผู้รับใบอนุญาตนำเข้า แต่นำสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้ามา ในราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ” นายเอกนัฏ กล่าว
ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานแผงโซลาร์เซลล์ ที่บอร์ด สมอ. เห็นชอบในครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึกซิลิคอน และมาตรฐานคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งมีข้อกำหนดสำหรับการทดสอบด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น การทนความร้อน การตัดไฟ การป้องกันไฟรั่ว การลามไฟ ระบบป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนจนเกิดการลุกไหม้ เป็นต้น รวมทั้งเห็นชอบชุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสินค้าควบคุมอีก 3 มาตรฐาน ได้แก่
1) มาตรฐานของชุดชาร์จแบบพกพาที่ใช้ได้กับไฟบ้านทั่วไป
2) มาตรฐานชุดชาร์จที่ใช้ได้กับไฟบ้าน ติดตั้งถาวรในบ้านและสถานที่สาธารณะทั่วไป 3) มาตรฐานชุดชาร์จแบบฟาสต์ชาร์จที่จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง ซึ่งชุดชาร์จประเภทนี้ส่วนใหญ่จะติดตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน ทั้งนี้ สมอ. จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ทั้ง 5 มาตรฐานดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายภายในปี 2569
นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นชอบมาตรฐานสินค้าและมาตรฐานวิธีทดสอบต่าง ๆ รวมจำนวน 60 มาตรฐาน เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ – คลาวด์คอมพิวติง (cloud computing) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things (IoT)) กายอุปกรณ์เทียมและกายอุปกรณ์เสริม เลนส์ตาเทียม น้ำมันหอมระเหย หน่อไม้ในภาชนะบรรจุปิดสนิท น้ำยางข้นธรรมชาติโปรตีนต่ำ เครื่องซักผ้าเชิงพาณิชย์ เป็นต้น พร้อมทั้งเห็นชอบรายชื่อมาตรฐานที่ สมอ. จะจัดทำเพิ่มเติมในปี 2568 อีก 14 มาตรฐาน รวมเป็น 785 มาตรฐาน เช่น เหล็กเส้นสำหรับคอนกรีตอัดแรง รางสายไฟแบบตะแกรง เม็ดยาง กระเบื้องเซรามิกมุงหลังคา แผ่นผนังเซรามิกมวลเบา เป็นต้น เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้าย