ดักเก็บ 6 หุ้นปันผลเด่นก่อน XD ชู TFM ยีลด์สูง 5%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่เตรียมจ่ายเงินปันผลและเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล) ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม 2568 เพื่อให้นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นที่ต้องการได้รับสิทธิเงินปันผลจากบริษัทเข้าซื้อหุ้นหรือถือหุ้นก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD ทั้งนี้ พบว่ามีจำนวน 6 หลักทรัพย์ได้แก่ ITC, SCC,BH,TFM,TOG และ TU โดยมีรายละเอียด ดังนี้
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 ส.ค. 68 โดยอัตราเงินปันผลหุ้นละ 0.40 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 ส.ค. 68 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 2.72% เทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ส.ค.68 อยู่ที่ 14.70 บาท
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 ส.ค. 68 โดยอัตราเงินปันผลหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 28 ส.ค. 68 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 1.23% เทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ส.ค.68 อยู่ที่ 203.00 บาท
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 ส.ค. 68โดยอัตราเงินปันผลหุ้นละ 2.00 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 29 ส.ค. 68 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 1.05% เทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ส.ค.68 อยู่ที่ 189.50 บาท
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 ส.ค. 68 โดยอัตราเงินปันผลหุ้นละ 0.30 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 ส.ค. 68 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 5% เทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ส.ค.68 อยู่ที่ 6.00 บาท
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 15 ส.ค. 68โดยอัตราเงินปันผลหุ้นละ 0.20 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 3 ก.ย. 68 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 2.51% เทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ส.ค.68 อยู่ที่ 7.95 บาท
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 15 ส.ค. 68โดยอัตราเงินปันผลหุ้นละ 0.35 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 1 ก.ย. 68 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 2.75% เทียบจากราคาปิด ณ วันที่ 7 ส.ค.68 อยู่ที่ 12.70 บาท
ขณะที่ บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ยังได้ระบุผ่านบทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาปรับขึ้นเพราะได้แรงสนับสนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติ ผสานกับนักลงทุนมองบวกกับการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐ-ไทย และนานาประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นการปรับประมาณการขึ้นทั้งคำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงกับ Valuation ที่เริ่มปรับขึ้นมาสูง
แต่ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ทำให้หลังจากนี้หลายๆ บริษัทกำลังจะประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล (นำผลประกอบการครึ่งปีแรกมาจ่ายปันผล) ซึ่งเชื่อว่าบริษัทที่มีปันผลในอัตราที่สูงจะกระตุ้นอุปสงค์ต่อหุ้นตัวนั้นๆ
อีกทั้ง ทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นใน SET100 ที่จ่ายปันผลระหว่างกาลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่มีอัตราเงินปันผลน่าสนใจได้แก่ SPALI, ITC, TCAP, HMPRO, TU, KKP, M, TISCO, BDMS และ SCB เป็นต้น
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SCC ให้ราคาเป้าหมาย 220 บาท จากผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 2568 ที่มีรายได้จากการขายรวม 249,077 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 29,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.20% และมีกำไรปกติ 4,267 ล้านบาท ลดลง 12.40% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ดีกว่าประมาณการเดิมจากเงินปันผลรับที่สูงกว่าคาด
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรในไตรมาส 3/2568 จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ยังเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (y-y) ซึ่งขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,462 ล้านบาท บริษัทฯ จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ขึ้น 11.7% เป็น 10,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.8% จากปีก่อน และปรับกำไรสุทธิขึ้นเป็น 24,237 ล้านบาท เพื่อสะท้อนผลของรายการพิเศษในไตรมาส 2/2568 ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมกำไรจากการขายหุ้น CAP สัดส่วน 10.7%
นอกจากนี้ ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2569 และ 2570 ขึ้น 3% และ 9% ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการปรับเพิ่มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (Product spread)
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ถึง TFM มีแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลสูงสุด (High Season) ของธุรกิจ อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจในอินโดนีเซียมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย
ฝ่ายวิเคราะห์ยังประเมินว่า TFM มีโอกาสสูงในการสร้างการประสานพลังทางธุรกิจ (Synergy) กับ Mitsubishi Corp ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต นอกจากนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2568–2569 โดยคาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง อานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม พร้อมมองว่าประมาณการกำไรปัจจุบันยังมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) ทั้งนี้ ได้ปรับคำแนะนำการลงทุนเป็น “ซื้อเก็งกำไร” กำหนดราคาเหมาะสมที่ 6.00 บาท เหมาะสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว