โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้สึกเหมือนเป็น ‘คนนอก’ ที่มีเพื่อนเยอะแต่ไม่สนิท? สัญญาณว่าคุณคือ Otrovert คนเปิดเผย แต่ไม่เปิดใจ

Mission To The Moon

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Mission To The Moon Media

อยู่ท่ามกลางคนมากมายแต่ยังรู้สึก ‘แปลกแยก’…นี่คือความในใจของ Otrovert
.
สังคมเรามักจะคุ้นเคยกับ Introvert หรือ Extrovert ตามแนวคิดของคาร์ล ยุง ซึ่งเป็นคำอธิบายตัวตน นิสัย ทิศทางการใช้พลังงานและความสนใจของผู้คนมากกว่า โดย Introvert มักจะสนใจและชอบเติมพลังงานให้ตัวเองด้วยการอยู่กับตัวเองเงียบๆ ในขณะที่ Extrovert มักจะมีความสนใจและชอบเติมพลังงานให้ตัวเองด้วยการอยู่กับโลกภายนอก
.
แต่ด้วยระดับความเหงาที่เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นปัญหาสังคมในโลกยุคใหม่ จิตแพทย์ได้พบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า ‘Otrovert’ หรือทิศทางความสนใจที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องมาจากความรู้สึก ‘แปลกแยก’ จากกลุ่มสังคม และรู้สึกไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนรอบข้าง
.
ทั้งที่ชื่นชอบบรรยากาศของโลกภายนอก และการได้อยู่ท่ามกลางผู้คน รวมถึงกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนไม่ต่างกับ Extrovert แต่ความรู้สึกแปลกแยก ไม่สามารถเข้ากันได้ดีกับสังคมรอบข้าง กลับทำให้ Otrovert เลือกที่จะอยู่คนเดียว
.
นี่จะทำให้ความเหงากัดกินหัวใจของผู้คนในสังคมมากขึ้นหรือไม่? แล้วเราจะรู้เท่าทันอารมณ์เหงาได้อย่างไร?
.
.
ความแปลกแยกที่สร้าง ‘คนนอก’ ในโลกยุคใหม่ให้เรา
.
ตามแนวคิดของคาร์ล ยุง หรือนักจิตยุคบุกเบิกได้เกิดคำแสดงตัวตนและบุคลิกภาพที่เราต่างก็คุ้นเคยขึ้นหลายคำด้วยกัน อย่าง Introvert ที่มีความหมายถึงคนที่มีความสนใจและมีแหล่งพลังงานโดยเน้นไปที่ภายใน หรือเน้น ‘ตัวเอง’ เป็นหลัก และ Extrovert ที่หมายถึงคนที่มีความสนใจและมีแหล่งพลังงานโดยเน้นไปที่ภายนอก หรือเน้นการเชื่อมต่อกับ ‘ผู้คนและสถานที่อื่นๆ’
.
แต่เมื่อไม่นานมานี้ นายแพทย์รามิ คามินสกี้ (Rami Kaminski, M.D.) จิตแพทย์ชาวอเมริกัน เขาได้พบเจอกับคำแสดงบุคลิกภาพใหม่ที่แตกต่างออกไปจากแนวคิดเดิม และคาดว่าแรงขับสำคัญที่ทำให้เกิดคำใหม่นี้ก็คือสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนส่งผลกระทบถึงชีวิตและจิตใจของผู้คน ซึ่งคำใหม่ที่ว่านี้ก็คือ Otrovert
.
Otrovert หมายถึงลักษณะพื้นฐานของคนที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคมไหนๆ และมีทิศทางความสนใจ รวมถึงแหล่งพลังงานที่ไม่เหมือนใคร
.
หลายคนใช้ชีวิตโดยคิดเอาเองว่าการไม่สนใจปาร์ตี้หรืองานสังคมต่างๆ หมายความว่าพวกเขาเป็น Introvert ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาอาจจะเป็น Otrovert แต่ไม่รู้ตัวก็ได้ โดย Otrovert จะแตกต่างจาก Introvert ในหลายๆ เรื่อง เช่น
.
Introvert มักจะมีนิสัยชอบเก็บเนื้อเก็บตัว ชอบอยู่เงียบๆ และชอบบรรยากาศที่สงบ พวกเขาอาจจะไม่ใช่คนแรกที่กล้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
.
ในทางกลับกัน คนกลุ่ม Otrovert ถ้ามองจากภายนอก ก็จะมีทั้งบุคลิกที่ร่าเริง สดใส และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย สามารถใช้เวลาสังสรรค์และพูดคุยกับคนแปลกหน้าในผับ หรือแลกเปลี่ยนบทสนทนากับผู้คนอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานานๆ ได้โดยไม่ต้องขอตัวกลับก่อนเพื่อชาร์จพลังงานอยู่คนเดียวแบบ Introvert
.
แต่ในหลายครั้ง Otrovert กลับมีความคิดที่เข้าใจได้ยาก และในบางครั้งก็ดูไม่ค่อยเข้าพวกกับเพื่อนฝูง หรือกลุ่มทางสังคมอื่นๆ เสียทีเดียว กลายเป็นภาพความขัดแย้งที่ไม่ได้มีแต่คนอื่นเท่านั้นที่สับสน แต่ Otrovert เองก็ยังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง และวางตัวไม่ถูกในบางครั้งเช่นกัน
.
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ Otrovert ซึ่งอยู่กับใครก็ได้กลับเลือกที่จะแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวนั่นก็เพราะความรู้สึกที่เหมือนเป็น ‘คนนอก’ ของกลุ่มสังคม พวกเขาไม่ได้แยกตัวออกมาเพื่อชาร์จพลังงาน หรือสำรวจโลกท่ามกลางความสงบเงียบ แต่พวกเขาต้องการหลีกหนีความเหงา และความรู้สึกที่ถึงจะอยู่กับคนมากมาย แต่กลับไม่สนิทใจกับใครสักคนเลยต่างหาก
.
ด้วยเหตุนี้ ตัวตนของ Otrovert อาจสวนทางกับความคาดหวังของสังคม แล้วทำให้เกิดความกดดันที่ยิ่งสร้างความแตกต่าง ไม่เข้าพวก และแปลกแยกจากผู้คนให้กับ Otrovert ได้ เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม และเรามักคาดหวังให้คนอื่นๆ ยอมรับในตัวเราด้วย เช่น พ่อแม่ที่พยายามผลักดันให้ลูกกล้าแสดงออก เข้าสังคมให้มากขึ้น หรือการที่คุณครูมองว่าเด็กนักเรียนที่เข้ากับเพื่อนไม่ได้เป็นปัญหาที่ต้องจัดการนั่นเอง
.
พ่อแม่ที่เห็นว่าลูกเข้ากับสังคมไม่ได้ หรือเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพราะความรู้สึกแปลกแยกก็จะยิ่งเป็นกังวล และกดดันให้ลูกเข้าสังคมมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เมื่อคน Extrovert เจอกับ Otrovert ก็มักจะพยายามดึงหรือผลักดันให้เพื่อนอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ของกลุ่มมากขึ้นด้วย เพราะเข้าใจว่าเพื่อนอาจจะมีความต้องการเหมือนตัวเอง
.
ซึ่งนี่อาจจะสร้างความกดดันและยิ่งทำให้ Otrovert รู้สึกเป็น ‘คนนอก’ ที่ไม่เชื่อมโยงกับคนรอบตัวมากยิ่งขึ้น
.
.
เข้าใจความคิดของ Otrovert ผู้สังเกตการณ์โลกทั้งใบอยู่รอบนอกของวงสังคม
.
เอมิลี่ ดิกคินสัน (Emily Dickinson) นักกวีชื่อดังชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า “จิตวิญญาณเลือกสังคมของตัวเอง” หรือการที่เรามีสิทธิ์เลือกสังคมด้วยตัวเองนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่เรารู้กันดีว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิ์เลือกทุกอย่างด้วยตัวเองมากขนาดนั้น
.
สำหรับบางคนแล้ว สังคมและคนแวดล้อมไม่ได้มาจากการเลือกด้วยตัวเอง แต่เป็นผลพวงจากสิ่งที่มีอยู่ก่อนเราเกิดมา เช่น สถานที่ที่เราอยู่ ครอบครัว ศาสนา ชนชั้นทางสังคม หรือเชื้อชาติที่เราเป็น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะยอมรับและปรับตัวกับพื้นฐานเหล่านี้ไปเอง แต่คนแบบ Otrovert ไม่ได้คิดอย่างนั้น
.
พวกเขาไม่เชื่อในกลุ่มคนที่รวมตัวกันจากแนวคิดนามธรรมหรือสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจ อุดมการณ์ เชื้อชาติ หรือศาสนา และจะไม่ทุ่มเทพลังงานให้กับความสัมพันธ์ที่รวมตัวขึ้นมาโดยไร้เป้าหมายที่ชัดเจน หรือกลุ่มที่รวมตัวกันแค่เพราะคนหมู่มากปฏิบัติเหมือนกันเท่านั้น
.
อย่างไรก็ตาม Otrovert ที่มักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘คนนอก’ และไม่เชื่อมโยงกับกลุ่มทางสังคมอยู่บ่อยๆ ก็ยังต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของผู้คน เพียงแต่อาจจะต้องการในระดับที่ลึกซึ้ง และมีเป้าหมายร่วมกันที่ชัดเจนมากกว่าคนอื่นๆ อยู่บ้าง เพราะการรวมกลุ่มก็ยังคงเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
.
แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้ Otrovert ในโลกยุคใหม่ถือกำเนิดมากขึ้น? มาทำความเข้าใจความคิด และวิธีที่จะช่วยให้ Otrovert สื่อสารต่อโลกได้ดี พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเข้ากันได้กับผู้คนไปพร้อมกัน
.
.
[ ] ความคิดแบบรังผึ้ง (Hive Mind) และความคิดสร้างสรรค์
.
การที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และอยู่รอดปลอดภัยจากสัตว์นักล่ามาจนถึงทุกวันนี้ได้เป็นเพราะเกิดความร่วมมือกัน ซึ่งการสร้างองค์กรทางความคิด หรือภูมิปัญญาร่วมนี้ทำให้คนจำนวนมากมีความเชื่อแบบเดียวกัน และมักจะกีดกันคนที่เห็นต่าง หรือมีความเชื่อที่ไม่เหมือนกันออกจากกลุ่มไป
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ประสบการณ์ที่คนส่วนใหญ่มีร่วมกัน หรือคล้ายกัน ทำให้เราสามารถที่จะเรียนรู้วิธีปรับตัวเพื่อให้เข้ากับกลุ่ม และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคมได้ดี อย่างไรก็ตาม ยิ่งกลุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีสมาชิกของสังคมเพิ่มมากขึ้นก็เป็นธรรมดาที่จะต้องรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้มากขึ้นด้วย ทำให้บางครั้ง ความต้องการนี้ก็อาจกลืนกินความเป็นตัวตนของคนคนหนึ่งไปได้
.
ซึ่งสำหรับคนส่วนใหญ่ก็อาจจะยอมเสียสละตัวเอง เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝูงผึ้งขนาดใหญ่นี้ แต่ Otrovert จะไม่ค่อยไหลตามให้กับอะไรที่ไร้เหตุผล รวมถึงไม่ค่อยทำอะไรที่ ‘คนส่วนใหญ่เขาทำกัน’
.
เรื่องนี้อาจจะรวมตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างเช่นการไหลตามเทรนด์บนโซเชียลฯ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างเช่น ค่านิยม อุดมการณ์ หรือการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ด้วย ยิ่งหากใครกล้าแสดงความคิดเห็นมากเท่าไร ก็อาจจะยิ่งสร้างความขัดแย้งขึ้นในกลุ่มเพื่อน ที่ทำงาน หรือคอมมูนิตีต่างๆ ได้
.
ดังนั้นการรวมกลุ่มของ Otrovert จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อค่านิยม ความเชื่อ หรือไลฟ์สไตล์ที่กลุ่มนั้นยึดถือร่วมกันมีเหตุผล และมีความสร้างสรรค์มากพอ ไม่ใช่แค่ทำตามที่คนอื่นทำเท่านั้น
.
.
[ ] การไม่สังกัดกลุ่ม (Non-belonging)
.
Otrovert ไม่ใช่คนที่มีนิสัยเก็บตัว พวกเขาอาจจะเป็นคนที่ยิ้มง่าย พูดคุยและอยู่กับคนมากมายได้เป็นระยะเวลานาน กล้าหาญ กล้าแสดงออก เพียงแต่จะไม่ยอมรับค่านิยมของการเป็น ‘ส่วนหนึ่งของกลุ่ม’ (Belonging) กับใครง่ายๆ
.
การเห็นพ้องกับคนหมู่มากโดยไม่ตั้งคำถามหรือไม่หาเหตุผลไม่ใช่วิสัยของ Otrovert และพวกเขายอมที่จะเดินออกมาจากกลุ่มนั้นมากกว่าที่จะต้องยอมเห็นพ้องต้องกันกับเสียงข้างมาก ยึดมั่นในภูมิปัญญาส่วนรวม หรือประสบการณ์ที่สืบทอดกันมา
.
อย่างไรก็ตาม หากมีใครสักคนที่ได้รับการยอมรับจาก Otrovert นั่นอาจหมายความว่านั่นอาจเป็นคำพูด ความเชื่อ หรือแนวคิดที่ฉลาด มีหลักการ และตรงกับความจริงในความรู้สึกของพวกเขาก็ได้
.
.
[ ] ความคิดอิสระและความคิดริเริ่ม
.
จุดแข็งและข้อดีของ Otrovert คือพวกเขาไม่ตกอยู่ใต้ภาพลวงทางสังคม ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความคิดที่เห็นพ้องต้องกันโดยไม่มีการตั้งคำถาม ซึ่งนี่เป็นเรื่องดีที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
.
คนประเภท Otrovert มักจะเป็นนักคิดที่มีความคิดริเริ่ม มองเห็นสิ่งที่คนอื่นอาจจะมองข้ามไป และไม่ถูก ‘ความคิดของกลุ่ม’ บังตา กล้าพิจารณาหาทางเลือกอื่นๆ ตีความปัญหาและชีวิตในแบบที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังกล้าที่จะคิดนอกกรอบ หรือทำลายขนบเดิมๆ อีกด้วย
.
แม้ว่าไอเดียของคนกลุ่มนี้จะดูสุดโต่ง และถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามของคนส่วนใหญ่ไปบ้าง แต่นี่กลับเป็นเรื่องจริงที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักคิดที่มีความคิดริเริ่มอย่างแท้จริงแทบทุกคนในประวัติศาสตร์ ทั้งคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คนที่เราบางคนอาจจะพอคุ้นหู รวมถึงคนที่เลือนหายไปตามกาลเวลาแล้ว
.
.
แนวคิดที่เกิดจากความคิดแบบ Otrovert มีความเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นเรื่องที่คิดขบถ นอกรีต หรือแม้กระทั่งบ้าสุดโต่ง แม้ว่าพวกเขาจะงัดหลักฐานที่สมเหตุสมผล และเป็นทางเลือกใหม่ที่มีความเป็นไปได้มากแค่ไหนก็ตาม
.
แต่เมื่อเราเปิดใจ ทำความเข้าใจ และสร้างความตระหนักรู้ถึงสิ่งนี้ เราจะสามารถเปิดโอกาสและให้พื้นที่สำหรับ Otrovert รวมถึงความหวัง และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เรากำลังเผชิญกับความท้าทาย ที่ต้องตั้งคำถามกับความไม่สมเหตุสมผลมากมายอย่างในยุคนี้
.
เพราะการตั้งคำถามกับความเชื่อและค่านิยมแบบเดิมๆ คิดพิจารณาปัญหาจากมุมมองใหม่ๆ และเปิดใจรับวิธีแก้ปัญหาที่แหวกแนว วิธีคิดแบบ Otrovert อย่างนี้ก็มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นกัน
.
.
อ้างอิง
- Don’t like joining in? Why it could be your superpower: Rami Kaminski, The Guardian - http://bit.ly/45yhiwh
- “Otroverts” and why nonconformists often see what others can’t: Rami Kaminski, Big Think - http://bit.ly/3HBV8A5
.
.
#otrovert
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Mission To The Moon

Active Career Management วิธีอยู่รอดของคนทำงานยุคใหม่ เกษียณอายุ 45 หรือเร็วกว่านั้นก็ไม่กลัว

21 ส.ค. เวลา 05.30 น.

Eggshell Economy เมื่อคนทำงานจิตใจเปราะบาง กลัวผิดพลาดแล้วหางานใหม่ยาก

19 ส.ค. เวลา 05.30 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

Cartier เปิดตัวสติกเกอร์ LINE ใหม่ร่วมกับ CryBaby

THE STANDARD

ปภ.เตือน Cell Broadcast แพร่ นครพนม พิษณุโลก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำหลาก

ฐานเศรษฐกิจ

สพฐ.เดินเครื่องยกระดับวิชาปวศ. กำชับครู เน้นสอนคิดวิเคราะห์

MATICHON ONLINE

เปิดตัว ‘Santa Fe’ โฉมใหม่ แฟลกชิปสาขาแรกใจกลางสยามสแควร์

กรุงเทพธุรกิจ

เดนมาร์ก ประกาศละเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มหนังสือ 25% แก้วิกฤตการอ่าน

SpringNews

Jung Kook วง BTS เป็นศิลปินเดี่ยวเอเชียคนแรกที่มีเพลงแตะพันล้านสตรีม 4 เพลงบน Spotify

THE STANDARD

ครม.ไฟเขียวตั้งซี10 ศธ. ‘ภัทริยวรรณ’ นั่งรองเลขาธิการกพฐ. ‘ภูธร-นิยม’ ขยับขึ้นผู้ตรวจฯ

MATICHON ONLINE

เปิดสมรภูมิที่เต็มไปด้วยความแสบสันและความดุเดือดของคู่รักที่กลายมาเป็นคู่ร้าย ใน “The Roses กุ-หลาบ”

Hello Magazine Thailand

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...