Active Career Management วิธีอยู่รอดของคนทำงานยุคใหม่ เกษียณอายุ 45 หรือเร็วกว่านั้นก็ไม่กลัว
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการประกาศโครงการสมัครใจลาออก “เกษียณก่อน เกษมสุข” ของธนาคารกสิกรไทย ที่เปิดสิทธิ์ให้พนักงานอายุ 45–59 ปีสมัครเข้าร่วมและมีผลลาออกตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2568 นั้น ได้สร้างบทสนทนาและข้อกังวลเป็นวงกว้าง ว่ากำลังทำให้ “ช่วงกลางอาชีพ” กลายเป็นจุดตัดสินใจสำคัญของแรงงานวัย 40+ ในองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งต่อทิศทางงาน ทักษะที่ต้องมี และแผนการเงินครัวเรือนในช่วง 12–24 เดือนถัดไป
.
สำหรับประเด็นที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงและข้อกังวลเป็นพิเศษสำหรับคนทำงานก็คือ เราอาจจะกำลังเริ่มเห็นก้าวแรกของการ Disruption ของกรอบการจ้างงานแบบดั้งเดิม Career Path แบบดั้งเดิมของคนทำงานออฟฟิศสายองค์กรที่ถูกออกแบบให้ไต่ตำแหน่งจนถึงวัยเกษียณราว 60 ปีอาจจะกำลังค่อยๆ หายไป
.
กลายเป็นว่าในอนาคตนั้น การเกษียณอายุตั้งแต่อายุ 45 ปีอาจจะกลายมาเป็น New Normal ของคนทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นช่วง “ช่วงกลางอาชีพ (Mid Career)” ในปัจจุบัน จะกลายเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีความสำคัญต่อคนทำงานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
.
แน่นอนว่าคนทำงานบางส่วนก็อาจจะเลือกเกษียณก่อนกำหนดเพื่อเหตุผลครอบครัวหรือสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่ยังคงต้องทำงานหาเลี้ยงชีพอยู่ การโดนองค์กรบังคับให้เกษียณ แปลว่าพวกเขากำลังจะสูญเสียรายได้ประจำในการหาเลี้ยงชีพและครอบครัว ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถพลิกเปลี่ยนสายงานสู่บทบาทที่สอดรับเทคโนโลยีมากขึ้น
.
ดังนั้นนอกเหนือจากการ Reskill ตัวเองที่กลายเป็นบริบทใหม่ของคนทำงานยุคปัจจุบันแล้ว คนทำงานยุคใหม่โดยเฉพาะคนที่กำลังเข้าสู่ช่วง Mid Career นั้นอาจจะต้องการแนวคิดใหม่ในการทำงานของตัวเองในเชิงรุกมากขึ้น ที่เรียกว่า Active Career Management นั่นเอง
.
.
อนาคตประเทศไทย คนแก่ไม่มีงานทำ เด็กจบใหม่หางานไม่ได้ คนตรงกลางยิ่งถูกกดดัน?
.
ในปัจจุบัน ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์แล้ว โดยผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นราว 20% ของประชากรทั้งประเทศ ข้อมูลนี้ยืนยันใน Stat in Focus ของธนาคารแห่งประเทศไทย
.
รายงาน “สำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2567” ของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ก็ชี้ไปทางทิศเดียวกัน พร้อมตัวชี้วัดว่า “อัตราส่วนพึ่งพิงวัยสูงอายุ” ที่เร่งขึ้นในระยะยาว ซึ่งหมายถึงภาระดูแลผู้สูงวัยของวัยทำงานเพิ่มสูงขึ้นด้วย
.
ความจริงข้อนี้สะท้อนว่าแรงงานวัย 40–59 ปีคือกลุ่ม “กันชน” ที่ต้องแบกรับทั้งการดูแลครอบครัวสองฝั่งและการอัปสกิลเพื่อยืดอายุการทำงานของตนเองในเศรษฐกิจที่เปลี่ยนเร็ว หากช่วงวัยนี้ถูกเร่งให้ตัดสินใจออกจากงานเดิม โจทย์การหาบทบาทใหม่ที่มั่นคงในตลาดแรงงานยิ่งท้าทายขึ้น
.
เมื่ออนาคตของประเทศไทยกำลังเป็นเช่นนี้ แปลว่าบริบทต่อไปของสังคม กำลังบังคับให้คนทำงานเริ่มวางแผนวัยเกษียณในระยะยาวมากยิ่งขึ้นแล้ว แต่สำหรับกลุ่มคนทำงานที่กำลังอยู่ในช่วง Mid Career หรือกำลังจะเข้าสู่ช่วง Mid Career นั้นควรทำอย่างไรดี?
.
.
วัย 40+ ต้องคิดแบบ “Active Career Management”
.
จากประเด็นทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าสังคมไทยกำลังบอกกับแรงงานไทยอย่างชัดเจนว่า การทำงานรับเงินเดือนไปวันๆ นั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตของทุกคนเสมอไปแล้ว เพราะช่วงกลางอาชีพกำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนถาวร ไม่ใช่เหตุการณ์ชั่วคราว ผู้มีประสบการณ์จึงต้องยกระดับสู่การบริหารอาชีพเชิงรุก หรือที่สรุปได้สั้นๆ ว่า Active Career Management บริหารอาชีพเหมือนบริหารพอร์ตการเงิน คิดล่วงหน้าเป็นรอบ 12–24 เดือน วางทางเลือกสำรอง และขยับก่อนที่ตลาดจะบังคับให้ขยับ
.
แก่นของ Active Career Management คือ “กำหนดบทบาทถัดไปให้ตัวเอง” แล้วค่อยเติมทักษะเท่าที่จำเป็นแทนการเรียนกว้างๆ
.
เริ่มจากใช้ประสบการณ์การทำงานของตัวเองเป็นแต้มต่อเหนือผู้อื่น โดยอาจเริ่มมองหางานที่ต้องการทักษะเช่น ต้องใช้วิจารณญาณ ความน่าเชื่อถือ และการประสานงานหลายฝ่าย ก่อนจะเสริมสิ่งเหล่านั้นด้วยทักษะเชิงดิจิทัลเข้าไปเช่น
.
[ ] ทักษะความเข้าใจ Data เชิงธุรกิจ
[ ] ทักษะการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ (Automation) เล็กๆ
[ ] ทักษะการทำงานร่วม AI
.
อีกมิติที่ต้องทำควบคู่กันไปก็คือ การเปิดรับโอกาสในการย้ายงานอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะตอนจะย้ายงานเท่านั้น พยายามหาเวลาอัปเดตเทรนด์การทำงานใหม่ๆ หรือพูดคุยกับคนที่อยู่ในสายงานที่เราสนใจเป็นประจำ รวมถึงอัปเดตเรซูเม่และพอร์ตให้เป็นเวอร์ชัน “อ่าน 1 หน้า รู้ผลลัพธ์ทันที”
.
รวมถึงพยายามบริหารจัดการเงินให้เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ตัวเองมีอิสระเลือกงานที่สอดคล้องกับทักษะ ไม่ใช่รับงานใดก็ได้เพราะจำเป็นต้องรีบตัดสินใจ
.
ทั้งนี้ Active Career Management ไม่ได้เริ่มจากการไปเรียนมากขึ้น แต่เริ่มจากการ “นิยามคุณค่า” ของตัวเองใหม่ เราเคยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน หรือยกระดับคุณภาพให้องค์กรอย่างไรบ้าง แล้วในรอบถัดไป คุณค่านั้นจะถูกขยายด้วยดิจิทัลและ AI อย่างไร
.
หากตอบสองคำถามนี้ได้ชัด วัย 40+ จะไม่ถูกผลักออกนอกวงจรงาน ตรงกันข้าม อายุงานจะกลายเป็นแต้มต่อ เพราะคุณไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้น แต่ยืนอยู่บนทุนความน่าเชื่อถือ เครือข่าย และบทเรียนหน้างาน ที่พร้อมต่อยอดให้เกิดผลลัพธ์รอบใหม่ทันที
.
ท้ายที่สุดนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับเหล่าคนทำงานที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการทำงาน ไม่ว่าทุกคนจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้รู้เอาไว้ว่า คุณค่าของพวกเรานั้น ไม่ได้ถูกกำหนดอยู่เพียงแค่ว่า เราสามารถทำงานได้นานแค่ไหน การทำงานเป็นเพียงแค่อีกหนึ่งมิติของการใช้ชีวิตเท่านั้น ชีวิตเรายังมีบทบาทที่มีคุณค่าอีกมากมาย ตั้งแต่เพื่อน พ่อแม่ ลูกหลาน รวมถึงคนรัก ดังนั้น อย่าปล่อยให้ตัวเลขหรือบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปมาลดทอนคุณค่าในตัวเอง และไม่ว่าเราจะเลือกทางเดินไหน เราจะเป็นคนที่มีคุณค่าอย่างแน่นอน
.
.
อ้างอิง
- เกษียณ 45+ หางานใหม่ไหวไหม? ฮาวทูวัยกลางคนอยู่รอดในโลกยุคใหม่ : bangkokbiznews - http://bit.ly/41hhduh
- การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ.2567 : NSO - http://bit.ly/3JlKX3b
- KBANK หุ้นวิ่ง-ทำราคาสูงสุด 171.50 บาท ท่ามกลางข่าวโครงการ ‘เออร์ลี่รีไทร์’ : prachachat.net - http://bit.ly/45G9tn7
.
.
#earlyretire
#เกษียณ
#เกษียณอายุ45
#คนทำงาน
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast