เงินไหลเข้า “หุ้นนอกสหรัฐฯ” มากสุดในรอบ 4 ปี นักลงทุนย้ายซบหุ้นโลก-ตลาดเกิดใหม่
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กองทุนหุ้นนอกสหรัฐฯ (Global ex-U.S. equity funds) ได้รับเงินไหลเข้าสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2021 สะท้อนว่านักลงทุนทั่วโลกเริ่มกระจายการลงทุนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจชะลอ ราคาหุ้นแพงเกินจริง และดอลลาร์อ่อนค่า
เม็ดเงินที่ไหลเข้า-ออกจากกองทุนหุ้นนอกสหรัฐฯ และหุ้นสหรัฐฯ | Source: LSEG Lipper, Reuters
ข้อมูลจาก LSEG Lipper ระบุว่าเดือนกรกฎาคม กองทุนหุ้นนอกสหรัฐฯ มียอดเงินไหลเข้า 13,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ธันวาคม 2021 ขณะที่กองทุนหุ้นสหรัฐฯ กลับมียอดเงินไหลออกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวม 6,300 ล้านดอลลาร์
ทำไมนักลงทุนโยกเงินออกจากหุ้นสหรัฐฯ ?
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติและในประเทศสหรัฐฯ เริ่มกระจายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไปยังตลาดโลกมากขึ้น ปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นและลดเสน่ห์ของตลาดสหรัฐฯ ลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้ไตรมาส 2 จะได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการภาษี แต่ความไม่ชัดเจนของการเจรจาการค้า ประกอบกับเส้นตายสำคัญหลายเรื่องที่จะมาถึงในไตรมาส 3 ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนให้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
เปรียบเทียบผลตอบแทนหุ้นสหรัฐฯ กับดัชนีอื่น ๆ | Source: LSEG Elkon, Reuters
ขณะที่ตลาดต่างประเทศกลับสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยดัชนี MSCI Asia Pacific ex-Japan เพิ่มขึ้นกว่า 14% และ MSCI Europe บวกกว่า 19% ในปีนี้ ทิ้งห่าง S&P 500 ที่ขยับเพียง 7.2% ยิ่งเมื่อรวมกับการอ่อนค่าของดอลลาร์ราว 10% ก็ยิ่งช่วยหนุนผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศของนักลงทุนสหรัฐฯ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
Derek Izuel ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของShelton Capital Management เตือนว่า หากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและการค้ายังคงยืดเยื้อ กระแสเงินทุนอาจไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อช่องว่างการเติบโตระหว่างภูมิภาคเริ่มแคบลง
อย่างไรก็ตาม Jim Smigiel ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของSEI Investments มองว่า กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดต่างประเทศในช่วงนี้ เป็นเพียงการรีบาลานซ์พอร์ตมากกว่าจะเทขายหุ้นสหรัฐฯ อย่างถาวร
ขณะเดียวกัน ตัวเลขมูลค่าหุ้นยังสะท้อนความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยดัชนี MSCI U.S. มีค่า Forward P/E สูงถึง 22.6 เท่า ขณะที่ MSCI Asia อยู่ที่ 14.4 เท่า, MSCI Europe ที่ 14.2 เท่า และ MSCI World ที่ 19.7 เท่า สะท้อนว่าหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีราคาสูงกว่าหลายภูมิภาค
โอกาสลงทุนกระจายความเสี่ยงสู่ตลาดโลก
- K-GPINUH-A(A) และ K-GPINUH-A(R) เป็นกองทุนหุ้นโลกสายตั้งรับ Defensive พร้อมด้วยกลยุทธ์สร้างรายได้ Premium จากการขาย Call Options ตอบโจทย์ช่วงตลาดขาลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว
- ES-GAINCOME-A และ ES-GAINCOME-RP เป็นกองทุนที่มีความยืดหยุ่นทั้งความหลากหลายของประเภทสินทรัพย์ทั่วโลก และกลยุทธ์เน้นสร้างผลตอบแทนและกระแสเงินสดสูง ผ่านการหาประโยชน์จากความผันผวน ลดความเสี่ยงขาลงด้วยการทำป้องกันความเสี่ยง เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการสร้างผลตอบแทน แต่อยากได้กองทุนที่ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น
อ้างอิง: Reuters
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort