ยกเลิก 80 ใบอนุญาตทำเหมือง ขอแล้วไม่ทำ-ให้เวลาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน
กรมเหมืองแร่ได้เวลาสังคายนาใบอนุญาตค้างเติ่งกว่า 80 ใบ ขอแล้วนิ่ง บางรายผ่านมา 20 ปี ไม่ขุดแร่สักก้อน เตรียมยกคำขอ แถมตัดสิทธิขอใหม่ 2 ปี แต่ให้โอกาสอุทธรณ์ 15 วัน พร้อมยกเลิกใช้ระเบิดแก๊ปไฟฟ้า ให้เวลาปรับตัวโละสต๊อก 2 ปี ลดปัญหาผลกระทบชุมชน
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ทยอยส่งจดหมายถึงผู้ครอบครองใบอนุญาตทั้งอาชญาบัตรและประทานบัตร กว่า 80 คำขอ ที่ค้างท่อจองที่ไม่ทำเหมือง บางรายขอทิ้งไว้เกือบจะ 20 ปี ต้องยกคำขอทั้งหมด ตัดสิทธิยื่นคำขอใหม่ 2 ปี ให้โอกาสยื่นอุทธรณ์ 15 วัน ด้าน “เอกนัฎ” ไฟเขียวแล้วเพื่อเปิดให้รายที่ต้องการทำเหมืองตัวจริงเดินเครื่อง และเตรียมประกาศยกเลิกใช้ระเบิดแก๊ปไฟฟ้าให้เวลาปรับตัว 2 ปี ย้ำเป็นมาตรการควบคุมผลกระทบให้ชุมชน
นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ตรวจสอบคำขออาชญาบัตร (สำรวจแร่) และประทานบัตร (ขุดแร่) นับตั้งแต่ พ.ร.บ.แร่ (ฉบับเก่า) จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีคำขอที่ค้างอยู่ประมาณ 80 คำขอ ที่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ แม้ว่าจะได้สิทธิในการสำรวจ ขุดเจาะ จากกรมไปแล้ว
ล่าสุด นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้อนุญาตให้กรมใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 (ฉบับใหม่) ในการยกคำขอที่ค้างอยู่ได้ ดังนั้น กรมจึงได้เริ่มส่งจดหมายไปยังผู้ประกอบการให้รับทราบว่า กรมจะทำการยกคำขอสำหรับแปลงที่พบว่าได้รับใบอนุญาตไปแล้ว แต่ไม่ดำเนินการรังวัด ไม่ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งการอนุญาต ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายในระยะเวลา 15 วันตามกฎหมายนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง สำหรับรายที่ถูกยกคำขอ กรมจะตัดสิทธิในการขอใบอนุญาตใหม่เป็นเวลา 2 ปี
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขั้นตอนการยกคำขอไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา แต่กรมจำเป็นต้องดำเนินการตามอำนาจที่มี เพื่อให้พื้นที่ที่มีศักยภาพได้นำแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ เพราะการทำเหมืองแร่ ผู้ประกอบการเมื่อได้รับใบอนุญาตอาชญาบัตรหรือประทานบัตรแล้ว จะต้องจ่ายเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ ค่าภาคหลวง รวมถึงเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการพัฒนา ฟื้นฟู และดูแลชุมชนรอบเหมือง และจะทำให้ผู้ขอรายอื่นได้มีโอกาสทั้งในการสำรวจและการขุดเหมืองเพื่อนำแร่ที่มีมูลค่ามาใช้ประโยชน์
ในอดีต พ.ร.บ.แร่ (ฉบับเก่า) ผู้ประกอบการสามารถยื่นขออาชญาบัตรในพื้นที่ทับซ้อนกันได้ ซึ่งหากรายแรกสามารถดำเนินกิจการได้ คำขออื่นที่ขอทับซ้อนกันจะถูกยกออก แต่ที่ผ่านมาพบว่า คำขอรายแรกกลับไม่ดำเนินการใด ๆ กับพื้นที่ได้รับสิทธิไปแล้ว มีลักษณะคล้ายการจองที่ ทำให้รายอื่นที่ยื่นคำขอในรายถัดมาไม่ถูกหยิบยกมาพิจารณา
“ปัจจุบันมีอาชญาบัตรและประทานบัตรที่ค้างอยู่จำนวนมาก แต่ในกฎหมายใหม่ปี 2560 มาตรา 35 ระบุไว้ว่า ห้ามผู้ใดขออาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหลื่อมล้ำทับซ้อนในพื้นที่เดียวกัน เว้นแต่ผู้ขอมีกรรมสิทธิ์หรือผู้ให้ความยินยอมจากรายเดิม สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ คือ เคลียร์ของเก่าที่ทับซ้อนกันอยู่ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราจะเริ่มยกคำขออาชญาบัตร ตอนนี้อุตสาหกรรมจังหวัดส่งเรื่องเข้ามาแล้ว พิจารณาแล้ว เพราะมันเสียประโยชน์พื้นที่ที่ควรจะทำเหมืองแร่ได้”
นอกจากนี้ กรมยังเตรียมประกาศมาตรการการกำกับดูแล ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบเหมือง ด้วยการยกเลิกใช้ระเบิดประเภทแก๊ปไฟฟ้า เนื่องจากมีแรงสั่นสะเทือนและเสียงที่กระทบกับชุมชน โดยจะกำหนดให้ใช้ระเบิดประเภทน็อนอิเล็กทริก ซึ่งมีความแม่นยำในการระเบิดมากกว่า เสียงและแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่า ปลอดภัยจากการถูกฟ้าผ่า ลมฝน และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางด้านทหาร ตามที่กรมการอุตสาหกรรมทหารต้องการที่จะยกเลิกแก๊ปไฟฟ้าอยู่แล้ว
โดยจะเริ่มควบคุมตั้งแต่การห้ามนำเข้าแก๊ปไฟฟ้า ห้ามผลิตในประเทศ และห้ามจำหน่ายตามลำดับ เพื่อให้ทั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า/ผู้จำหน่าย มีเวลาปรับตัว 2 ปีในการเคลียร์สต๊อกสินค้าเก่า คาดว่าจะประกาศภายในปลายปี 2568 หรือช้าสุดต้นปี 2569
“นอกจากนี้ เราได้รับร้องเรียนมาตลอดเรื่องการขนส่งแร่ไม่มีที่คลุม จะให้เราติดกล้องที่ทางเข้า-ออก เอา AI ไปจับรถบรรทุกที่ไม่คลุม เราก็ทำได้ แต่ถ้าเอกชนให้ความร่วมมือรับผิดชอบตัวเอง เราก็ไม่ต้องทำอะไรขนาดนั้น ซึ่งเราก็พยายามควบคุมอยู่ตลอดอยู่แล้ว”
นายพรสิทธิ์ ด่านวนิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และกรรมการ บริษัท พารุ่งอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการเหมืองแร่ เห็นด้วยกับกรมที่ดำเนินการยกคำขออาชญาบัตรที่ค้างอยู่ เพราะปัจจุบันมีข้อมูลว่ามีการยื่นหว่านขออาชญาบัตรไว้ในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการนำใบคำขออาชญาบัตรมาขายต่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการสำรวจไปแล้ว
และพบว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีศักยภาพ อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมาดูว่า กรมจะยกคำขอได้เฉพาะในพื้นที่รัฐเพียงอย่างเดียว หรือรวมถึงคำขอในพื้นที่ของเอกชนได้ด้วย เนื่องจากว่าพื้นที่ดังกล่าว เจ้าของพื้นที่มีสิทธิในกรรมสิทธิ์ของที่ดินตนเองอยู่แล้ว รัฐจะไปดึงสิทธิออกไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประทานบัตรกลับมองตรงข้ามว่า กรมไม่ควรยกคำขอส่วนนี้ เพราะผู้ประกอบการเหมืองแร่ เมื่อมาถึงขั้นตอนขอประทานบัตรแล้ว นั่นหมายถึงเจตจำนงที่จะทำเหมืองจริง เว้นแต่ที่ต้องหยุดชะงัก อาจด้วยเหตุผลฐานะการเงิน ปัญหาผู้ถือหุ้น หรือในส่วนอื่น ๆ ซึ่งกรมควรเรียกผู้ประกอบการมาหารือเพื่อรับฟังเหตุผล
และหาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งหากหารือกันแล้วพบว่าเป็นปัญหาส่วนตัว ที่คาดว่าเหมืองจะไม่สามารถเปิดได้ ก็ควรให้ระยะเวลาตามกรอบของอายุประทานบัตร หรือหากเป็นความประสงค์ของผู้ประกอบการเองว่าจะไม่ดำเนินกิจการเหมืองแร่ต่อแล้ว ซึ่งก็อยู่ที่กรมจะพิจารณายกคำขอ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ยกเลิก 80 ใบอนุญาตทำเหมือง ขอแล้วไม่ทำ-ให้เวลาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net