นายกฯ เผยหารือ ผู้นำฝรั่งเศส กระชับ-ยกระดับสัมพันธ์ ส่งเสริมการค้าเสรี
นายกฯ เผยหารือ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส สู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 07.40 น.) เปิดเผยข้อมูลภายหลังหารือ นายเอ็มมานูเอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่า
ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อและกระชับความร่วมมือทุกมิติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศและระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ
ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทยในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก
รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทยและพร้อมให้การสนับสนุน
ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย
และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 มิถุนายน 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยสรุป สาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีมาครง แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรียืนยันความตั้งใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย–ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์โดยเร็ว พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครงจะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Organisation Internationale de la Francophonie : OIF) ที่กัมพูชาในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ รวมถึงเชิญเข้าร่วมการประชุม Paris Peace Forum ที่ฝรั่งเศส เช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายมองว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่การเมืองและเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ทำให้ต้องร่วมมือกันมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องการค้าและ การลงทุน และทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นในความร่วมมือระหว่างกันที่วางอยู่บนกฎระเบียบระหว่างประเทศ ด้านฝรั่งเศสมุ่งหวังขยายความร่วมมือกับไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีอวกาศ
ผู้นำทั้งสองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก โดยไทยยืนยันจุดยืนรักษาสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ พร้อมสนับสนุนระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกฎระเบียบสากล นอกจากนี้ ไทยแสดงความขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD และหวังว่าฝรั่งเศสจะสนับสนุนการเจรจา FTA ไทย–สหภาพยุโรปต่อไป ซึ่งฝรั่งเศสยินดีสนับสนุนไทยในเรื่องนี้ และมุ่งหวังให้กระบวนการเข้าสู่ OECD ของไทยเป็นไปอย่างราบรื่น
ในมิติอาเซียน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับบทบาทศูนย์กลางของอาเซียนในการรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ และรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมไซเบอร์ และยืนยันความพร้อมในการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนระหว่างประเทศอื่น ๆ รวมถึงฝรั่งเศสด้วย โดยฝรั่งเศสพร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้
ประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ด้วยความสุจริตใจ บนพื้นฐานของความเป็นมิตรที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในอาเซียน และหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเห็นว่าการเจรจาในกรอบทวิภาคีคือแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหาทางออกที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ร่วมกัน
นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำว่า ประเทศไทยยังคงสนับสนุนให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ซึ่งได้มีการประชุมที่กรุงพนมเปญ เดินหน้าทำงานต่อไปด้วยดี และหวังว่าฝรั่งเศสในฐานะหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่ใกล้ชิด จะมีบทบาทสนับสนุนบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ให้กลับมาดำเนินต่อไปด้วยดี ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส รับทราบเจตนารมณ์ของไทย และจะพิจารณานำไปประสานความร่วมมือกับกัมพูชาต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสถานการณ์ในเมียนมา โดยนายกรัฐมนตรีแสดงจุดยืนสนับสนุนการหยุดยิงและการงดใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย สำหรับเมียนมา ไทยพร้อมมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนกระบวนการสันติภาพและการเมืองในเมียนมาและสนับสนุนบทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และความพยายามทั้งหมดภายใต้กรอบอาเซียน รวมถึงเน้นการเปิดพื้นที่สำหรับการหารือและการมีส่วนร่วม และนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าสันติภาพที่ยั่งยืนต้องขับเคลื่อนโดยประชาชนเมียนมา และควรพิจารณาทุกทางเลือกที่นำไปสู่สันติภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ค้าชายแดน" ไทยยังแกร่ง 5 เดือนแรก +11.0% มูลค่า 8.3 แสนล้านบาท
- นายกฯ บินเชียงรายลุยดูน้ำท่วม - มอบถุงยังชีพ ติดตามปราบแก๊งคอลฯ
- นายกฯ หารือผู้นำฝรั่งเศสทางโทรศัพท์ กระชับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์
- นายกฯ ลงพื้นที่เชียงรายพรุ่งนี้ ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม-ติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
- ส.อ.ท.ชี้การเมืองเปลี่ยนเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจไทย