"ภาษีทรัมป์" จ่อกระทบราคากาแฟในสหรัฐฯ เหตุ"บราซิล"ถูกรีดภาษี 50% ธุรกิจอ่วม-คอกาแฟรับกรรมจ่ายแพงขึ้น
ราคากาแฟในสหรัฐอเมริกาจะแพงขึ้นไปอีก ?
"กาแฟในสหรัฐฯ" จะแพงขึ้น สาเหตุมาจากภาษีทรัมป์ เพราะบราซิลที่เป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของทางสหรัฐฯ ตอนนี้ถูกตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสูงถึง 50%
ประธานาธิบดี"โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้นำสหรัฐฯ จัดหนักกับบราซิล ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม BRICS ในขณะนี้ โดยขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสูงถึง 50% สำหรับสินค้าที่มาจากบราซิลและนำเข้ามายังแผ่นดินสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ยังสั่งการให้มีการสอบสวนการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าของบราซิลเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตด้วย
เท่ากับว่าสหรัฐฯ ได้การประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มดังกล่าวต่อบราซิล ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับที่ 15 ของสหรัฐ โดยปีที่แล้ว ปี 2024 มีมูลค่าการค้ารวม อยู่ที่ 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่สหรัฐฯเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับบราซิลถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์ ต่างจากชาติอื่นๆที่โดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ หรือ Recoprocal Tariffs เพราะสหรัฐฯต้องขาดดุลการค้าอย่างหนักในปีที่ผ่านมา
ดังนั้นเมื่อมองจากมุมนี้ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า การประกาศขึ้นภาษีต่อบราซิลของทรัมป์ครั้งนี้ น่าจะมีสาเหตุการตั้งใจตอบโต้กับบราซิลโดยตรง หลังจากที่ประธานาธิบดีของบราซิล "ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา" ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์
เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสมาชิกกลุ่ม BRICS เพิ่ม 10% โดยอ้างว่าทางกลุ่มมีนโยบายที่ต่อต้านสหรัฐอเมริกา โดยผู้นำของบราซิลได้ใช้คำพูดที่ร้อนแรง บอกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ จำเป็นต้องตระหนักด้วยว่าตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว และเราไม่ต้องการจักรพรรดิอีกต่อไป
ซึ่งบราซิล นับเป็นสมาชิกดั้งเดิมของกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่รวมตัวกัน ประกอบไปด้วยสมาชิกดั้งเดิม ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ และมีการเพิ่มเติมเข้ามาอีกหลายประเทศในภายหลัง
อย่างไรก็ตามหลังจากถูกรีดภาษีโหด ทางการของบราซิลก็ได้ออกมาตอบโต้ทันที สำนักข่าวต่างประเทศว่ารัฐบาลบราซิลส่งหนังสืออย่างเป็นทางการซึ่งลงนามโดยนายเจรัลโด อัลค์มิน รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีพาณิชย์ และนายนายเมาโร วิเอรา รัฐมนตรีต่างประเทศ ส่งตรงถึงนายโฮเวิร์ต ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ของทางสหรัฐฯ และนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มีเนื้อหาสำคัญระบุว่า บราซิล มีความขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าของบราซิลเป็น 50%
ทั้งนี้ บราซิลเตือนว่า อัตราภาษีสูงลิ่วดังกล่าว จะส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อภาคส่วนสำคัญของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบราซิลได้หารือกับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางเลือกในการส่งเสริมการค้าระดับทวิภาคี และย้ำว่ารัฐบาลบราซิลพร้อมที่จะเจรจาหาทางออกที่ยอมรับร่วมกันได้ในประเด็นทางการค้า
"บราซิล" คือ ผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก "สหรัฐฯ" คือประเทศที่บริโภคกาแฟที่สุดในโลก มาเจอกันด้วยภาษี 50% จะเป็นอย่างไรต่อไป ?
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ระบุว่ากาแฟที่บริโภคกันอยู่ภายในสหรัฐฯ ปัจจุบันนี้ นำเข้ามาจากบราซิลเป็นหลัก มากถึง 1 ใน 3 ของอุปทานทั้งหมด โดยรายงานของ CNBC ระบุว่า ปีที่ผ่านมาตลาดกาแฟของสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง 1.975 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการประเมินของ Mintel
สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศบริโภคกาแฟมากที่สุดในโลก จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเหล่านี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากการเมล็ดกาแฟในประเทศไม่เพียงพอ เพราะสภาพอากาศในประเทศเอื้ออำนวยให้เพาะปลูกได้เพียงแค่ในพื้นที่ฮาวายและเปอร์โตริโกเท่านั้น
ดังนั้นอัตราภาษี 50% อาจทำให้ราคากาแฟแพงขึ้นไปอีก หลังจากที่ผ่านมาราคากาแฟก็แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เป็นผลมาจากผลผลิตที่น้อยลง จากภาวะภัยแล้งในประเทศผู้ส่งออกหลักอย่างบราซิล ไม่ใช่เพราะว่ากำแพงภาษี ซึ่งตอนนี้มีเส้นตายอยู่ที่ 1 สิงหาคม และหลายฝ่ายก็คาดหวังจะมีการต่อรองเจรจากันได้ รวมไปถึงความหวังว่ากาแฟจากบราซิลจะรอดพ้นจากขึ้นภาษีครั้งนี้ไปได้เป็นกรณีพิเศษ เพราะทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาให้สินค้านำเข้าที่ไม่สามารถผลิตในประเทศ เช่น กาแฟ ได้รับการยกเว้นภาษี
ขณะที่คอกาแฟในสหรัฐฯ หรือชาวอเมริกันจะต้องรับกรรม จ่ายค่ากาแฟแพงขึ้นหรือไม่นั้น เรื่องนี้ถ้าหากเป็นร้าน Starbucks เชนกาแฟอเมริกันระดับโลก พบว่าปัจจุบันนี้ทางแบรนด์ได้มีการนำเข้ากาแฟจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่บราซิลรายเดียว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ขึ้นราคาพุ่งทีเดียวหรือแพงกว่าเดิมมากนัก เพราะสามารถดูดซับต้นทุนส่วนเพิ่มได้บ้าง จากความหลากหลายของซัพพลายเชนและเมนูที่มีหลายอย่าง
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมของนักวิเคราะห์ประเมินว่าต้นทุนสินค้าขายในอเมริกาเหนือของ Starbucks อาจเพิ่มขึ้น 0.5% หากประมาณว่ากาแฟ 22% มาจากบราซิล แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มของสินค้าเครื่องดื่มบรรจุขวดภายใต้การผลิตของเนสท์เล่ อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 3.5%
"ธุรกิจกาแฟ" ในสหรัฐฯ เร่งนำเข้าก่อนเส้นตายภาษี 1 สิงหาคม 2568
กำแพงภาษีชนาดยักษ์กำลังจะมา ดังนั้นวันนี้“ธุรกิจกาแฟ”ต้องหนีตาย เร่งตุนเร่งนำเข้ากาแฟบราซิล จากบราซิลให้มากที่สุด ส่วนหลังจากนี้ตัวใครตัวมัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ก่อนจะถึงเส้นตายการขึ้นภาษีนำเข้าของทางสหรัฐฯ ขณะนี้ธุรกิจที่เกี่่ยวข้องต่างๆก็กำลังเร่งนำเข้ากาแฟจากบราซิลมาตุนให้ได้มากที่สุด ข่าวบอกว่าผู้ค้าบางรายถึงขั้นเบนเส้นทางเรือขนส่งในระหว่างเดินทาง สั่งยกเลิกจุดแวะในประเทศอื่น ๆ เพื่อให้ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุกาแฟบราซิลสามารถเข้าเทียบท่าสหรัฐได้ทันก่อนวันที่ 1 สิงหาคม โดยไม่ต้องเสียภาษี 50%
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ต่างก็เริ่มตั้งราคาขายส่งกาแฟล่วงหน้ากันแล้ว เพื่อรองรับภาษีที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เพราะบราซิลผลิตกาแฟประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณกาแฟที่ใช้ในสหรัฐ ขณะที่สหรัฐเองผลิตกาแฟได้เพียง 1% ของที่ใช้บริโภคทั้งหมด
ความเห็นจากภาคธุรกิจ เช่น ซีอีโอของบริษัทนำเข้า Lucatelli Coffee ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ กล่าวว่า “นี่คือรูปแบบหนึ่งของการเก็บภาษีที่ทำร้ายธุรกิจอเมริกัน ไม่มีใครเดือดร้อนเท่าเรา ไม่ใช่บราซิล ไม่ใช่ประธานาธิบดีลูลา มันคือภัยคุกคามโดยตรงต่อธุรกิจของผู้นำเข้าอย่างพวกเค้า”
ขณะที่ประธานของสหกรณ์กาแฟบราซิล Expocacer กล่าวว่า “นี่คือภาษีที่กำหนดโดยประเทศผู้นำเข้า ดังนั้นผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือผู้นำเข้า และสุดท้ายก็จะผลักภาระไปยังผู้บริโภค”
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าเมล็ดกาแฟจากบราซิลจะไหลไปยังยุโรปและเอเชียแทน ขณะที่สหรัฐฯ จะต้องนำเข้าจากแหล่งอื่น เช่น แอฟริกา อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ง่าย และจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากสมาคมกาแฟแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่า “กาแฟเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวอเมริกันและเศรษฐกิจสหรัฐ” พร้อมเสริมว่า ผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 2 ใน 3 ดื่มกาแฟทุกวัน ทั้งนี้สมาคมฯ ได้พยายามยื่นคำร้องต่อรัฐบาลทรัมป์เพื่อขอยกเว้นกาแฟจากการเก็บภาษีนำเข้าจากบราซิล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “พิชัย” เผยคืบหน้าภาษีทรัมป์ชัดเจน 1 ส.ค. - มั่นใจโดนไม่ถึง 36%.
- กาแฟ" จะแพงขึ้น ? ข่าวร้ายของคนอเมริกัน"ทรัมป์" อัด "บราซิล" รีดภาษี 50 %
- "ทรัมป์" สายตรง "ภูมิธรรม" ขานรับข้อตกลงหยุดยิง"ไทย-กัมพูชา" เตรียมเปิดโต๊ะเจรจาการค้า
- ทรุด! "Puma" ยอดขายร่วง พิษภาษีสหรัฐฯ
- เจาะตลาด "คนโสด" (Solo Economy) สินค้าอะไรขายดี ทำไมจ่ายหนัก ขึ้นแท่นทรงอิทธิพล