ชัดเจนจากปาก "สีกากอล์ฟ" สัมพันธ์แท้จริง "พระเทพพัชราภรณ์"
จากกรณีที่ "พระเทพพัชราภรณ์" อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ปมพัวพันเส้นเงินสีกากอล์ฟ โดยระบุเหตุผลว่ากระแสข่าวลบที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและหมู่คณะสงฆ์อย่างมาก โดยขอลาออกเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีผลตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
การลาออกดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยผลการสอบสวนว่า มีการโอนเงินจากบัญชีของพระรูปดังกล่าวให้แก่ว่า "สีกากอล์ฟ" รวมมูลค่ากว่า 12.8 ล้านบาท
ภายหลังการลาออก เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธรรมยุต) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งพระจากวัดโสมนัสวิหาร ซึ่งดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) เข้ารักษาการเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมารามเป็นการชั่วคราว
ล่าสุดวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 มีรายงานว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมารามได้ลาสิกขาเรียบร้อยแล้ว และได้ให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่าตนเองหลงเชื่อหญิงรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจ พร้อมกล่าวอ้างถึงพระผู้ใหญ่ ทำให้เกิดความไว้ใจจนตัดสินใจโอนเงินไปทั้งหมดราว 12.8 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินของวัดประมาณ 400,000 บาท
รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า กรณีที่มีเงินของวัดเกี่ยวข้องถือเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่เพียงผิดวินัยสงฆ์เท่านั้น แต่ยังเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ล่าสุดในรายการโหนกระแส สีกากอล์ฟโฟนอินในรายการโหนกระแสหลังทราบข่าวว่า "พระเทพพัชราภรณ์" ลาสิกขาแล้ว โดยยืนยันจากปากเองว่าไม่ได้มีสัมพันธ์ใดๆ กับพระเทพพัชราภรณ์
ส่วนเรื่องเงิน 12 ล้าน ยอมรับว่ามีการยืมเงินจริงเพื่อไปทำธุรกิจ คืนเงินให้บางส่วน (1 แสนบาท) ท่านเมตตาให้ยืม เพราะท่านรู้ว่าเรารู้จักพระผู้ใหญ่เยอะเลยไว้ใจ เสียใจเป็นอย่างมาก หลังรู้ข่าวรู้สึกเสียใจมาก