ชงDSIสางคดีสีกากอล์ฟ พศ.เร่งรื้อกฎคุมเงินพระ
"โยมอ้วน" ประสานดีเอสไอช่วยตำรวจสอบสวนกลางทำคดี “สีกากอล์ฟ” เผยคดีนี้มันสะเทือนเพราะมีลักษณะบ่อนทำลาย ที่ประชุมวุฒิสภาตั้งกระทู้เดือด สว.อยากให้มี "สีกากอล์ฟ" 100 คน เพื่อขุดพระเลวพระชั่ว "สุชาติ" แก้กฎกระทรวงคุมพระฉาว เน้นเงินวัด มีผล 1 ต.ค.
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงการดำเนินคดีเอาผิดสีกากอล์ฟและพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องว่า จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปช่วยดู เพราะคดีนี้สั่นสะเทือนความรู้สึกของประชาชน กระทบความมั่นคงในแง่ของพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักของประเทศ
“การที่ให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดูคดี ไม่ได้หมายความว่าให้โอนคดีไปที่ดีเอสไอ แต่ให้มาช่วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดู โดยหลักการจะให้ตำรวจสอบสวนกลางทำคดีต่อไป ส่วนดีเอสไอมีอะไรเสริมได้ก็จะดี” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นคดีตัวอย่างของวงการสงฆ์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็จบกันไปเฉยๆ รองนายกฯ ตอบว่า ไม่ได้ เพราะคดีนี้มันสะเทือน แม้ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของวงการสงฆ์ แต่มีลักษณะบ่อนทำลาย ต้องทำให้เป็นตัวอย่าง สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ถ้าเกิดขึ้นเราจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ใช่แค่สึกไป ผู้ก่อเหตุก็ไม่มีอะไร ตนจะทำให้เห็นว่าตรงนี้ทำไม่ได้และไม่ควรทำ
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถาม เรื่องวิกฤตศรัทธาในพุทธศาสนา พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มั่วสีกา ทำลายศรัทธาของชาวไทยพุทธ ของนายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สว. ถามนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้แทน
โดยนายปริญญาตั้งกระทู้ถามว่า อยากได้สีกากอล์ฟ แบบนี้อีก 100 คน เพื่อมาขุดพระเลวๆ พระชั่วๆ จะได้รื้อศาสนาให้กลับมาดีได้อีกครั้งหนึ่ง จึงขอถามใน 4 ข้อ คือ 1.รัฐบาลและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีการวางแผนและแก้ปัญหานี้อย่างไรในการร่วมกับกรรมการมหาเถรสมาคม 2.การดำเนินคดีกับสมีทั้งหลายสามารถทำได้หรือไม่ ทั้งเรื่องการมีเพศสัมพันธ์และเรื่องเงิน เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้นักการเมือง ข้าราชการกับนักการเมือง อย่างไรก็สู้พระไม่ได้ เพราะพระรวยกว่า 3.ในอนาคตรัฐบาลจะมีการตรวจสอบเงินวัดอย่างจริงจังเมื่อไหร่ หรือจะแก้ไขฎหมายเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบได้หรือไม่ และ 4.ควรเร่งพลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนาได้แล้วหรือยัง เพื่อกำหนดโทษว่าพระที่กระทำความผิดเช่นนี้ และทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสียมีโทษอาญาจำคุกได้หรือไม่
ด้านนายสุชาติตอบกระทู้ว่า การควบคุมพระสงฆ์เป็นการดำเนินการของพระมหาเถรสมาคม ส่วนการดำเนินคดีกับพระที่ประพฤติปฏิบัติผิดพระธรรมวินัยหรือสมี ปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดเอาผิดพระภิกษุที่เสพเมถุน หรือแม้แต่สีกาที่ไปเสพเมถุนกับพระเลย ดังนั้น ตอนนี้จึงต้องรีบร่าง พ.ร.บ.สงฆ์โดยด่วน เพิ่มโทษพระที่ทำผิดพระธรรมวินัยถึงจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยค่าปรับประมาณหลายหมื่นบาทถึงหลักแสนบาท ส่วนสีกาก็ต้องมีความผิดด้วย แม้ขณะนี้จะเอาความผิดสีกาไม่ได้ แต่หากพบว่าไปล่อลวง ข่มขู่ เราก็เอาผิดกฎหมายอาญาอื่นๆ ได้
"เรารีบออกกฎหมาย โดยขณะนี้ได้เริ่มร่างกฎหมายแล้ว คิดว่าภายใน 3-4 เดือนนี้จะมีการแก้กฎหมาย โดยอาจจะรวมไปถึงการเอาผิดการเรี่ยไรหรือการบริจาค ซึ่งการบริจาคเงินให้วัดทางมหาเถรสมาคมออกเป็นกฎกระทรวงแล้ว จะเริ่มใช้ 1 ตุลาคมนี้ ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปทุกวัดที่มีเงินบริจาค ต้องนำเงินเข้าสู่บัญชีธนาคารในพื้นที่ที่วัดตั้งอยู่ และวัดห้ามถือเงินสดเกิน 1 แสนบาท และบัญชีรายรับรายจ่าย เป็นการแก้ไขปัญหาไปได้ส่วนหนึ่ง"
วันเดียวกันนี้ นายสุชาติได้เดินทางไปกราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก และสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อรับแนวทางปฏิบัติในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินานกว่า 30 นาที
จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พศ.ยังไม่ได้มีการแจ้งความเอาผิดสีกากอล์ฟ ทำให้คดียังไม่สามารถเดินหน้าได้ โดยหันไปถามย้ำกับเจ้าหน้าที่ พศ.ว่า พศ.เอาอย่างไร พร้อมกับสั่งการให้เร่งศึกษาในประเด็นนี้โดยด่วน และกล่าวอีกว่า นักข่าวได้เสนอประเด็นนี้ขึ้นมา ทำไม พศ.ถึงไม่รู้เรื่อง ขณะที่คนอื่นกำลังหาช่องทางกฎหมาย ตนก็ได้กำชับไปหลายครั้งแล้ว เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนตัวเองและประชาชนก็กังวลใจ ซึ่งตนเพิ่งจะมารับตำแหน่งนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็มีกรณีนี้เป็นเรื่องรับน้อง และยอมรับว่าตนก็กังวลมาก จึงได้มาขอคำแนะนำกับท่านสมเด็จทั้งสองรูป
ส่วน พ.ร.บ.สงฆ์ที่จะมีการแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องเงิน นายสุชาติกล่าวว่า ต้นตอของปัญหา ต้นเหตุที่เกิดปัญหา ขบวนการหลอกพระ ก็มาจากการที่พระมีเงินมีทรัพย์เยอะ และหลอกง่ายที่สุด เมื่อพระถูกแบล็กเมล์หน่อยก็ต้องโอนเงินให้ พฤติการณ์นี้ทำเป็นขบวนการ ซึ่งเราก็พยายามที่จะทำเพื่อแก้ปัญหาต้นเหตุ เมื่อพระมีทรัพย์มากและมีการใช้จ่ายโดยไม่มีการควบคุม ก็ต้องแก้ด้วยการออกกฎกระทรวง ว่าทุกบาททุกสตางค์ของวัดต้องเอาเข้าบัญชีธนาคาร เงินสดที่วัดอาจจะถือได้ก็ต้องห้ามเกิน 100,000 บาท ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำค่าไฟ และทุกบัญชีนั้นก็ต้องฝากธนาคารทั้งหมด และทุกเดือนจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย และต้องสรุปรายงานบัญชีประจำปีด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการร่างแบบฟอร์มไว้หมดแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งทุกวัดจะต้องปฏิบัติตาม
ที่ จ.พิษณุโลก พระภาวนาวิริยคุณ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่ออาจารย์ไสว ประธานสงฆ์วัดชัยมงคล ม.24 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งมีข่าวพัวพันกับสีกากอล์ฟ เผยว่า สีกากอล์ฟได้เอ่ยปากขอยืมเงินก้อนแรกประมาณ 1 แสนบาท โดยให้เหตุผลว่าจะนำไปประคับประคองธุรกิจไม่ให้ล่ม
“คิดอยู่นานว่าจะให้หรือไม่ แต่ในใจคิดว่าหมาหรือแมวเรายังช่วยได้ แล้วนี่คือมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าเงินจำนวนนี้สามารถช่วยต่อชีวิตเขาและธุรกิจได้ก็คงเป็นบุญ จึงตัดสินใจโอนเงินให้”
หลังจากโอนเงินไป สีกากอล์ฟก็เงียบหายไปกว่า 1 ปี กระทั่งต้นปี 2568 ได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง อ้างว่าช่วงที่หายไปได้ไปมีครอบครัวและมีลูกน้อย แต่ขณะนี้ถูกสามีทอดทิ้ง ไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อนมให้ลูกกิน พร้อมส่งภาพลูกที่อยู่ในโรงพยาบาลมาให้ดู ตนจึงรู้สึกสงสารอีกครั้ง และได้โอนเงินช่วยเหลือหลายครั้ง แม้จะจำยอดรวมไม่ได้ แต่เมื่อมีการตรวจสอบย้อนหลังพบว่ามียอดการโอนรวมประมาณ 180,000 บาท
พระภาวนาวิริยคุณยังทิ้งท้ายด้วยสุภาษิตไทย ที่สะท้อนเจตนาบริสุทธิ์ของการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ว่า “เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด” เพราะทุกบาทที่โอนให้ล้วนมาจากความสงสาร และความเห็นใจในฐานะมนุษย์ร่วมโลกเท่านั้น
ส่วนการสอบข้อเท็จจริง พระครูศรีปริยัติบัณฑิต, ผศ.ดร. หรือพระมหาปพน แสงย้อย รองเจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น และรองเจ้าอาวาสวัดเทพปูรณาราม พระครูวชิรอรรถวาที เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองแวง พระอารามหลวง เผยว่า การตรวจสอบ 3 กรณี ประกอบด้วย การโอนเงินให้สีกากอล์ฟ การรับโอนเงินจากสีกากอล์ฟ และความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ ซึ่งผลการตรวจสอบไม่ปรากฏความผิดแต่อย่างใด โดยในรายละเอียดนั้น รองเจ้าคณะอำเภอได้ให้ข้อมูลพร้อมหลักฐานยืนยันว่า เป็นการโอนเงินให้สีกากอล์ฟ เนื่องจากพระสหายที่มรณภาพไปเมื่อช่วงปลายปี 2568 เป็นผู้ไหว้วานให้ช่วยโอนให้
"เป็นการกระทำในลักษณะของเพื่อนช่วยเพื่อน เนื่องจากมีความสนิทกับพระสหายที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน และเป็นเงินจำนวนที่ไม่ได้มาก โดยเป็นการโอนให้หลายครั้ง ไม่ใช่การโอนครั้งเดียว และเหตุผลที่ให้โอนนั้นก็ไม่ทราบว่าทำไม ด้วยความเป็นเพื่อนเงินจำนวนไม่เท่าไหร่ก็ช่วยเหลือกันตามปกติ ซึ่งมองเจตนาแล้วไม่มีอะไร ในส่วนของการรับโอนเงินจากสีกากอล์ฟนั้น เป็นการโอนเงินเพื่อทำบุญเหมือนญาติโยมทั่วไป ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวพระแต่ละรูป และเป็นการโอนเงินทำบุญหลายครั้ง ไม่ได้เป็นการโอนครั้งเดียว".