“โรม” ชี้ไทยแต้มต่อเหนือกว่า “กัมพูชา” จี้รัฐบาลฟ้องศาล ICC หวั่นมีผลประโยชน์ทับซ้อน กระทุ้งปปง.ต้องยึดทรัพย์
วันที่ 20 ส.ค. 2568 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทหารไทยพบหลักฐานคลิปทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในเขตไทย โดยระบุว่าประเทศไทยมีแต้มต่อในเรื่องนี้อย่างมาก แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการที่เด็ดขาดว่า การค้นพบหลักฐานเพิ่มเติมจากคลิปโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ทำให้ไทยมีแต้มต่อเพิ่มขึ้นอย่างมากในการดำเนินคดีในระดับนานาชาติ แม้จะไม่มีคลิปดังกล่าว ไทยก็มีหลักฐานเพียงพอที่จะขยายผลการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกใจคือยังไม่มีชาติใดประณามกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศควรต้องทบทวนบทบาทตัวเองในการสร้างความเข้าใจต่อประชาคมโลก
"กระทรวงการต่างประเทศต้องรอให้คนออกมาตำหนิครั้งหนึ่งถึงขยับทีหนึ่ง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะเสียเชิง" นายรังสิมันต์กล่าวพร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลทำงานเชิงรุกมากขึ้น เพื่อชี้แจงนานาชาติให้เข้าใจว่าคลิปดังกล่าวไม่ใช่การจัดฉากอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาอาจกล่าวอ้าง
นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า ไทยควรฟ้องกัมพูชาต่อ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เนื่องจากกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศภาคี และคดีนี้มีหลายมิติ ทั้งเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือนและอาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน
เมื่อถามว่ามติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ฟ้องสมเด็จฮุน เซน เฉพาะในประเทศ นายรังสิมันต์ มองว่าเป็นเพียงขั้นตอนเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น "ถ้าไม่ดำเนินการจริงจังก็เท่านั้น" จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจสอบและยึดทรัพย์สินของเครือข่ายนี้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานฟอกเงิน
เมื่อถูกถามว่าการที่รัฐบาลไม่ยอมฟ้อง ICC อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับนักการเมืองไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง และรัฐบาลต้องออกมาชี้แจงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง "เรียนตามตรงว่าผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูลก็คงมีมานาน แต่วันนี้ต้องยึดผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลควรยึดผลประโยชน์ของชาติให้มากที่สุด" นายรังสิมันต์ กล่าว