ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ ขยายเวลา ‘แรงงานกัมพูชา’ อยู่ไทยได้อีก 6 เดือน
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ ขยายเวลา "แรงงานกัมพูชา" อยู่ไทยได้อีก 6 เดือน โดยต้องรายงานตัวทุก 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักร ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวพ.ศ. 2560 ด้วยเหตุผลทางมนุษธรรมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
โดยที่ประเทศไทยและประเทศต้นทางของคนต่างด้าวซึ่งมีสัญชาติกัมพูชาได้ยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนในทุกจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เป็นเหตุให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรในลักษณะไป - กลับ หรือตามฤดูกาลบริเวณชายแดนตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ที่ครบวาระการจ้างงานหรือการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดแต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ สมควรให้คนต่างด้าวดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานต่อไปได้ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 87/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2552 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 คนต่างด้าวซึ่งได้รับการยกเว้นให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน ตามประกาศนี้ หมายถึง คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ซึ่งถือบัตรผ่านแดน ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ทั้งที่ยังไม่หมดอายุหรือหมดอายุแล้ว ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 แต่ไม่สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อเดินทางกลับเข้ามาใหม่ได้
ข้อ 2 ให้คนต่างด้าวตามข้อ 1 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานต่อไปได้อีก เป็นระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือจนกว่ามาตรการควบคุมการผ่านแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชากลับสู่ภาวะปกติ ตามแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นก่อน
ให้คนต่างด้าวซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามวรรคหนึ่ง รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรกภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นให้รายงานตัวทุกสามสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของระยะเวลาที่กำหนดให้รายงานตัวครั้งก่อน โดยอาจรายงานตัวล่วงหน้าก่อนครบกำหนดสามสิบวันได้ไม่เกินเจ็ดวัน หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานตัวให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด
ข้อ 3 มิให้นำมาตรา 12 (10) และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ 1/2558 เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวตามประกาศนี้
ข้อ 4 เมื่อสิ้นสุดการอนุญาตหรือการอนุญาตเป็นอันสิ้นผลตามข้อ 2 วรรคหนึ่ง ให้คนต่างด้าวดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรได้อีกเจ็ดวันเพื่อเตรียมการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ข้อ 5 การยกเว้นให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานตามประกาศนี้เป็นอันสิ้นผลก่อนครบระยะเวลาตามข้อ 2 เมื่อเกิดกรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) คนต่างด้าวต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดซึ่งได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(2) มาตรการควบคุมการผ่านแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชากลับสู่ภาวะปกติ
(3) คนต่างด้าวไม่ดำเนินการตามประกาศนี้
(4) คนต่างด้าวเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
(5) การอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา 64 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'พงศ์กวิน' เตรียมนำเข้าแรงงานศรีลังกา หลังแรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ
- 'พงศ์กวิน' ยืนยัน ไม่พบการทำร้ายแรงงานกัมพูชาในไทย สั่งดูแลแรงงานอย่างเท่าเทียม
- ‘ภูมิธรรม’ เตรียมเยียวยารอบ 2 บ้านเรือน-ส่วนราชการ ที่ได้รับผลกระทบชายแดน
ติดตามเราได้ที่