โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“ฝ่ายแค้น” ขยับ ! “ลุงป้อม-เนวิน” รอชำระแค้น

สยามรัฐ

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดูเหมือนว่า “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี จะเลือกวิถี “เพิ่มศัตรู” แทนที่จะ “สร้างมิตรสหาย” หากการใช้กลยุทธ์ที่ว่านั้น เกิดขึ้นและเป็นไปในจังหวะที่ “พรรคเพื่อไทย” รวมถึงตัวทักษิณ เองมีความแข็งแกร่งอย่างเบ็ดเสร็จ เหมือนในวันวาน คงไม่ต้องหวั่นไหวในแทบทุกย่างก้าวเหมือนวันนี้ !

ข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกปรับพ้นจากการเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” มาสู่สถานะ “ฝ่ายค้าน” ต้องถือว่าสร้างสีสัน และเสียงฮือฮา เป็นระยะๆ เพราะลีลาของพรรคภูมิใจไทย พรรคสีน้ำเงิน ย่อมแตกต่างจาก “พรรคประชาชน” พรรคส้ม ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน อย่างสิ้นเชิง

พรรคภูมิใจไทย ถูกจับตาว่า การทำหน้าที่ “ตรวจสอบรัฐบาล” จากนี้ไป คงเข้มข้น และดุเดือด มากไปกว่าการประกาศว่าจะ ตรวจเข้มทุกเรื่องแล้ว ยังเป็นเพราะฝ่ายสีน้ำเงินนั้นพกเอา “ความแค้น” ติดมือมาด้วย เมื่อทั้ง สีน้ำเงินกับพรรคเพื่อไทย ฝั่งสีแดง จากกันชนิดที่เรียกว่า “จบไม่สวย”

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่า แกนนำของพรรคภูมิใจไทย ต่างพร้อมใจกัน “จี้” รัฐบาลแทบทุกเรื่อง ทั้งการสอนมวยให้กระทรวงมหาดไทยในมือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จากวันปะทะมาถึงการเข้าสู่มาตรการเยียวยาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากทหารกัมพูชายิงอาวุธหนักเข้ามายังชุมชนฝั่งไทย

แอคชันจากพรรคภูมิใจไทย ที่มีต่อรัฐบาล โดยเฉพาะพุ่งเป้าไปที่กระทรวงและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก นอกจากนี้ยังน่าสนใจว่าในจังหวะที่รัฐบาลอยู่ในสภาพ “เสียงปริ่มน้ำ” มีเสียงสส.รัฐบาลในมือมากกว่า “ฝ่ายค้าน” 30 กว่าเสียงเท่านั้น

โดยพรรคร่วมรัฐบาล มีทั้งสิ้น 260 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้าน มี 234 เสียง ซึ่งแม้รัฐบาลจะมีเสียงมากกว่า แต่อย่าลืมว่า มีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่เป็นทั้งสส.บัญชีรายชื่อ โดยที่ไม่ยอมสละเก้าอี้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อให้มีการเลื่อนเพื่อนสมาชิกของพรรค ขยับเข้ามาแทนที่ จึงกลายเป็นว่า คนที่เป็นทั้งรัฐมนตรีและสส.บัญชีรายชื่อ ต้องทำทั้งงานสภาฯและงานฝ่ายบริหาร เพื่อพยายามรักษาองค์ประชุมให้ครบ ไม่ให้สภาฯล่ม กันแทบทุกนัด

ปฏิบัติการเขย่ารัฐบาลในสภาฯ อาจไม่ได้มีแต่พรรคสีน้ำเงินเท่านั้นแต่อย่าลืม ว่านอกจากภูมิใจไทยแล้ว ทักษิณ ยังมีศัตรูคนสำคัญคือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะว่าไปแล้ว พล.อ.ประวิตร อาจจะเจ็บใจหนักกว่า “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่กำลังถูกกระทรวงมหาดไทย ตามบี้เรื่องการเพิกถอนสิทธิที่ดิน “เขากระโดง”

เพราะทักษิณ ใช้วิธี “ยืมดาบ” ของบิ๊กป้อม มาทิ่มแทงเจ้าสำนักพลังประชารัฐเองอีกที ด้วยการ ดึง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้แบ่งแยกลูกพรรค แล้วย้ายเข้าไปอยู่ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย

ทำให้พรรคพลังประชารัฐ กลายเป็น “พรรคอกแตก” ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย จากนั้นสส.ในขั้วของบิ๊กป้อม ถูกบีบให้กลายเป็น “ฝ่ายค้าน” ในสภาฯ ล่วงหน้าไปก่อนพรรคภูมิใจไทย

แน่นอนว่าบทบาทของพรรคพลังประชารัฐ ในเวทีสภาฯคงไม่ เข้าขั้น “จัดจ้าน” เท่ากับ พรรคภูมิใจไทย ที่เพิ่งได้ “แผลสด” หลังจากถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้าน แต่อย่าลืมว่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ อนุทิน คือ แคนดิเดตนายกฯ ที่ยังมีชื่ออยู่ในบัญชี หาก แพทองธาร เลือกการลาออกแล้วเปิดทางให้ที่ประชุมสภาฯเลือกนายกฯคนใหม่

แต่ถึงกระนั้นเกมการเมืองในสภาฯที่มีเป้าหมายอยู่ที่เก้าอี้นายกฯคนใหม่ อาจไม่เกิดขึ้นได้ หาก แพทองธารได้ไปต่อ สิ่งที่ต้องจับตาคือความเคลื่อนไหวในระดับ “สนามเลือกตั้ง” ที่อาจเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลอยู่ครบเทอมในปี 2570

หมายความว่า ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพลังประชารัฐ ยังมีความหวัง ที่จะไปล้มพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งรอบหน้า โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ “คะแนนนิยม” ทั้งพรรคเพื่อไทยและตัวนายกฯแพทองธาร กลายเป็นเส้นกราฟที่ดิ่งลง จนมองไม่เห็นโอกาสพุ่งขึ้นด้วยซ้ำ

เมื่อราวกลางเดือนก.ค.68 ที่ผ่านมา บิ๊กป้อม พร้อมด้วยแกนนำ เปิดพรรคต้อนรับ “ว่าที่ผู้สมัคร สส.” จำนวน 32 คน ซึ่งบางส่วนในกลุ่มนี้มีอดีตคนพรรคเพื่อไทยร่วมด้วย

ขณะที่ล่าสุด “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” แม่ทัพใหญ่ในภาคใต้ ของพรรคสีน้ำเงิน ไปกินข้าวกับ “นิพนธ์ บุญญามณี” อดีต รมช.มหาดไทยและอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นัยว่าฝ่ายหลังอาจจะทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ แล้วย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทยในการเลือกตั้งรอบหน้าหรือไม่

การเคลื่อนไหวในระดับภาคพื้น ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐ นั้นในความเป็นจริงแล้ว อาจไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่อ่านเกมกันไม่ยากว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นก่อนปี 2570 ดังนั้นทุกคนต้องเตรียมพร้อม

แต่จุดที่น่าสนใจ อาจอยู่ที่ สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยนั้นยังไม่สามารถ “ตีตื้น” กอบกู้ความนิยมได้ในแต่ละด้าน ดังนั้นโอกาสที่พรรคเพื่อไทย อาจเจ็บหนักกว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น จึงเป็นไปได้สูง เมื่อถึงเวลานั้น ยิ่งกระแส “ทักษิณ -แพทองธาร” กลายเป็น “ปัจจัย” ที่ซ้ำเติม โอกาสที่สส.และหัวคะแนนจะพากัน “ทิ้งพรรค” ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น

พรรคพลังประชารัฐ อาจไม่กลับไปใหญ่โต เหมือนเมื่อครั้งที่ยุค “3ป.” รุ่งเรือง และพล.อ.ประวิตร เองก็ไม่มีสส. 25 คนที่จะสามารถเสนอชื่อให้ชิงเก้าอี้นายกฯในสภาฯ ในรอบนี้ แต่อย่างน้อย ในเกมการต่อสู้ครั้งนี้ หาก “เอาคืน” ทักษิณ ได้บ้าง ก็ถือว่า ลุงป้อม “จบสวย”

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเอง ดูเหมือนจะเตรียมพร้อม เอาไว้หลายทาง ทั้งศึกในสภาฯ ไปจนถึงการทำพื้นที่เตรียมเลือกตั้งรอบหน้า โดยเฉพาะการตั้งเป้ากวาดสส.ในภาคใต้ เพื่อปิดทาง “พรรคกล้าธรรม” ที่ร.อ.ธรรมนัส มองเห็นความหวัง ที่จะช่วยทักษิณ ปักธงในภาคใต้

เพราะพิพัฒน์ วางแผนการเล่นในภาคใต้ มานานนับปี ตั้งแต่ที่พรรคภูมิใจไทย และ “เนวิน -อนุทิน” ยังเดินเข้า-ออก ไปพบ ทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยซ้ำ !!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

"สมาคมคนตาบอดฯ" แถลงตอบโต้ "ผู้นำฝ่ายค้าน" ปมใช้คำ "หูหนวก-ตาบอด" เปรียบเชิงลบในสภาฯ

20 นาทีที่แล้ว

บังคับทุกคนยื่นภาษี! "คลัง" เดินหน้าใช้ "Negative Income Tax" เริ่มปี 70 เพื่อคัดกรองสวัสดิการแม่นยำ-เป็นธรรม

31 นาทีที่แล้ว

"พรีเมียร์ลีก–ลิเวอร์พูล" ร่วมประณาม! เหตุเหยียดเชื้อชาติใส่แข้ง "บอร์นมัธ" ระหว่างเกมที่แอนฟิลด์

41 นาทีที่แล้ว

รักหรือเกม? “ไอยวริญ–เมวิกา” จากคู่แข่งสู่แฟน ใน Harmony Secret Ep.4

47 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม