อินเดียสู้กลับระงับแผนซื้ออาวุธสหรัฐตอบโต้ภาษีทรัมป์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างข้อมูลจากผู้สันทัดกรณีสองรายว่า เดิมทีอินเดีย มีแผนส่งนายราชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปยังกรุงวอชิงตัน ภายในไม่กี่สัปดาห์นี้เพื่อแจ้งเรื่องการจัดซื้ออาวุธ แต่ทริปนี้ต้องถูกยกเลิกไป
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดภาษีเพิ่มเติมจากสินค้าอินเดียเพื่อลงโทษที่รัฐบาลนิวเดลีซื้อน้ำมันรัสเซีย เท่ากับเป็นการให้ทุนรัสเซียรุกรานยูเครน ส่งผลให้ภาษีสินค้าส่งออกของอินเดียไปยังสหรัฐเพิ่มเป็น 50% สูงที่สุดประเทศหนึ่ง
ที่ผ่านมาทรัมป์มักเปลี่ยนใจเรื่องภาษีหลายครั้ง อินเดียเองบอกว่าตนยังหารือกับวอชิงตันอย่างแข็งขัน แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า การซื้ออาวุธอาจเดินหน้าได้หากอินเดียชัดเจนเรื่องภาษีและทิศทางความสัมพันธ์ทวิภาคี “แต่ไม่เร็วอย่างที่พวกเขาคาดหวัง”
แหล่งข่าวอีกรายบอกว่า ยังไม่มีคำสั่งระงับการซื้ออย่างเป็นลายลักษณ์อักษร บ่งชี้ว่ารัฐบาลนิวเดลีอาจเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว กระนั้น “ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างน้อยๆ ก็ในตอนนี้”
กระทรวงกลาโหมอินเดียและเพนตากอนไม่ตอบคำถามของรอยเตอร์ รัฐบาลอินเดียที่ช่วงหลังพยายามบ่มเพาะความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอเมริกา กล่าวว่า ตนเองตกเป็นเป้าอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่วอชิงตันและพันธมิตรยุโรปยังคงค้าขายกับรัสเซียเหมือนกันหากตนเองได้ประโยชน์
ทั้งนี้ รอยเตอร์เคยรายงานว่าการหารือซื้อยานรบ “สไตรเกอร์” ผลิตโดยGeneral Dynamics Land Systems และขีปนาวุธต่อต้านรถถังJavelin พัฒนาโดยRaytheon และLockheed Martin ถูกระงับไปเพราะภาษี ทั้งๆ ที่เมื่อเดือน ก.พ. ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ประกาศแผนจัดซื้อและผลิตร่วมกัน
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในทริปนี้ที่ถูกยกเลิกไป ซิงห์ยังมีแผนประกาศซื้อเครื่องบินลาดตระเวนโบอิงP8I จำนวน 6 ลำและระบบสนับสนุนสำหรับกองทัพเรืออินเดีย ซึ่งการหารือเครื่องจัดซื้อเครื่องบินมูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์คืบหน้าไปมาก
ความสัมพันธ์รัสเซีย
ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างอินเดียกับสหรัฐซึ่งได้แรงหนุนจากการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์กับจีนเหมือนกัน ได้รับการยกย่องจากนักวิเคราะห์ของสหรัฐหลายคนว่าเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าสำคัญทางนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก
อินเดียเป็นผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่อันดับสองของโลก รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์เบอร์หนึ่ง แต่ช่วงหลังอินเดียเริ่มเปลี่ยนมานำเข้าจากมหาอำนาจตะวันตกอย่างฝรั่งเศส อิสราเอล และสหรัฐเนื่องจากรัสเซียไม่มีอาวุธส่งออกเพราะต้องนำไปใช้ในการรุกรานยูเครน แถมนักวิเคราะห์ตะวันตกยังกล่าวว่า อาวุธรัสเซียบางชนิดทำผลงานได้ย่ำแย่ในสนามรบ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อินเดียคนหนึ่งกล่าวว่าความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสหรัฐและอินเดียในภาพรวมซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข่าวกรองและการซ้อมรบร่วม ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด
อินเดียยังคงเปิดกว้างลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แล้วไปซื้อที่อื่นแทนรวมทั้งสหรัฐถ้าได้ราคาแบบเดียวกัน
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า คำขู่ของทรัมป์และความรู้สึกชาตินิยมต่อต้านสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งทำให้“โมดีหันเหจากรัสเซียไปหาสหรัฐได้ยาก” กระนั้นส่วนลดน้ำมันรัสเซียก็ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022
จริงๆ แล้วสหรัฐกับอินเดียตึงเครียดกันมาพักหนึ่งแล้วไม่ใช่เพิ่งแตกหัก กล่าวคือรัฐบาลนิวเดลีปฏิเสธคำอ้างของทรัมป์บ่อยครั้งที่บอกว่าสหรัฐเป็นตัวกลางทำให้อินเดียกับปากีสถานเห็นชอบหยุดยิงหลังจากปะทะกันสี่วันในเดือน พ.ค. ความขัดแย้งผ่านไปได้ไม่กี่สัปดาห์ทรัมป์ต้อนรับผู้บัญชาการทหารของปากีสถานที่ทำเนียบขาวด้วย
ช่วงไม่กี่เดือนหลังรัฐบาลมอสโกก็ขยันจีบอินเดียให้ซื้อเทคโนโลยีกลาโหมตัวใหม่ อาทิ ขีปนาวุธยิงจากพื้นสู่อากาศ S-500 แต่ตอนนี้อินเดียยังไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ
กระนั้นอินเดียก็ไม่อาจหยุดซื้ออาวุธรัสเซียได้ทีเดียว เพราะสองประเทศทำงานร่วมกันมานาน นั่นหมายความว่ากองทัพอินเดียยังต้องการการสนับสนุนจากมอสโกต่อไป
รอยเตอร์สอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงนิวเดลียังไม่ได้คำตอบ