สหรัฐขาดดุลการค้าเกษตรนิวไฮ พิษภาษี ‘ทรัมป์’ ทำบทบาทผู้ส่งออกโลกสั่นคลอน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “ภาคเกษตร” ของสหรัฐมีการขาดดุลการค้าเพิ่มสูงขึ้นจนทำสถิติใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สะท้อนบทบาทของเกษตรกรสหรัฐที่เคยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ใช้นโยบายสงครามการค้า
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐเผยว่า ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา สหรัฐขาดดุลการค้าสินค้าเกษตรถึง 4.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขาดดุลที่มากกว่าปีที่แล้วถึง 14% และเมื่อรวมยอดขาดดุลทั้งหมดในช่วงครึ่งปีแรก ตัวเลขจึงพุ่งสูงไปอยู่ที่ 2.8 หมื่นพันล้านดอลลาร์
สาเหตุของการขาดดุลการค้านี้มาจากหลายปัจจัย ได้แก่
- ความสามารถในการผลิตที่จำกัด สหรัฐไม่สามารถเพิ่มการผลิตพืชผลและปศุสัตว์ได้มากพอ
- ความต้องการนำเข้าที่สูงขึ้น ชาวอเมริกันมีความต้องการสินค้าเกษตรจากต่างประเทศมากขึ้น
- สงครามการค้าของทรัมป์ นโยบายนี้ทำให้จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลก หันไปซื้อผลผลิตจากบราซิลแทนที่จะเป็นสหรัฐ
สถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำสงครามการค้ากับจีน ทำให้มีการขาดดุลรายปีเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2562 และ 2563 และกลับมาขาดดุลอีกครั้งในช่วง 3 ปีให้หลังที่ผ่านมา
การขาดดุลที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ สำหรับภาคการเกษตรของสหรัฐเพราะในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้มีดุลการค้าเกินดุลมาโดยตลอด และยังเคยเป็นเครื่องมือสำคัญในนโยบายต่างประเทศช่วงสงครามเย็นด้วย
อ้างอิง Bloomberg