สหรัฐฯ - ยุโรปปลดล็อกดีลการค้า, ลดเก็บภาษีซ้ำซ้อน-เคาะภาษียาเหลือ 15%, ยานยนต์จ่อลดแบบมีเงื่อนไข
สหรัฐฯ - ยุโรปปลดล็อกดีลการค้า, ลดเก็บภาษีซ้ำซ้อน-เคาะภาษียาเหลือ 15%, ยานยนต์จ่อลดแบบมีเงื่อนไข
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -22 ส.ค. 68 11:16 น.
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรอบการค้าฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บภาษียาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงและจับตามองอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
หลังจากเจรจายาวนานหลายสัปดาห์ ยุโรปและสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเมื่อปลายเดือนก.ค. โดยสหรัฐฯ กำหนดภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าส่งออกจาก EU ทั้งหมด ด้านยุโรปยังให้คำมั่นว่าจะซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะลงทุนเพิ่มอีกอย่างน้อย 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การประกาศกรอบภาษีเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้หลายฝ่ายได้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ในขณะที่ประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ยังคงรอความชัดเจนและเดินหน้าเจรจาข้อตกลงการค้า
อุตสาหกรรมไม้แปรรูป เทคโนโลยี และกฎระเบียบ
ประเด็นสำคัญในแถลงการณร่วมระบุว่า สหรัฐฯ ให้คำมั่นว่า จะเก็บเฉพาะภาษีภายใต้กรอบ MFN (Most Favored Nation) หรือภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) ในอัตรา 15% เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งกับสินค้าจาก EU
สำหรับสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีภายใต้กรอบ MFN ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติที่หายาก (เช่น ไม้ก๊อก), เครื่องบินและชิ้นส่วนอากาศยาน รวมถึงยาสามัญและสารเคมีตั้งต้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ยังระบุว่า สหภาพยุโรปยังตั้งใจที่จะยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดของสหรัฐฯ และเปิดทางให้สินค้ากลุ่มอาหารทะเลและสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ซึ่งส่วนนี้ครอบคลุมอยู่ในกรอบการเจรจาเบื้องต้นแล้ว
นอกจากนี้ ยังระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับคำมั่นที่ EU จะซื้อพลังงานและลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ รวมถึงย้ำตัวเลขการใช้จ่ายที่สหภาพยุโรปวางแผนไว้ ครอบคลุมด้านชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI), พลังงาน และการลงทุนในวงกว้างในสหรัฐฯ แต่ยังระบุว่าเป็นเพียงความตั้งใจและแผนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งยังไม่ใช่การให้คำมั่น รวมไปถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารและการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ข้อตกลงล่าสุดไม่ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในแง่ของกฎหมาย Digital Services Act ของสหภาพยุโรป ซึ่งรวมถึงกฎระเบียบสำหรับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานในการเจรจาการค้าระหว่างสองฝ่าย เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มไวน์และสุรา ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นกัน โดยมารอส เซฟโควิค (Maros Sefcovic) กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป กล่าวว่า แม้จะไม่ง่ายที่จะบรรลุข้อตกลงในประเด็นนี้กับสหรัฐฯ แต่โอกาสในการเจรจาไม่ได้ถูกปิดตาย
กลุ่มยาและเวชภัณฑ์
สำหรับภาษียานำเข้าจากยุโรป ซึ่งเป็นแหล่งที่สหรัฐฯ นำเข้ามากเป็นอันดับหนึ่ง กำหนดเพดานภาษีอยู่ที่ 15% เช่นกัน โดยอัตรานี้จะไม่นำไปรวมกับภาษีอื่น ๆ ที่เก็บจากยุโรป โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีกลุ่มยาสามัญภายใต้กรอบ MFN เท่านั้น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เพื่อลดราคายาในสหรัฐฯ โดยอิงกับราคายาในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่อยู่ในระดับต่ำกว่า
การกำหนดภาษียาดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการสอบสวนภายใต้มาตรา 232 สำหรับผลิตภัณฑ์ยา เพื่อตรวจสอบผลกระทบจากการนำเข้ายาต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ว่าจะเก็บภาษีสูงถึง 250% สำหรับยานำเข้า และยื่นคำขาดให้บริษัทยารายใหญ่ลดราคายาในสหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทยายักษ์ใหญ่ อาทิ Novartis, AstraZeneca และ Roche ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ ขณะที่ Novo Nordisk และ Eli Lilly ระบุว่าจะปรับลดราคายาลง
กลุ่มยานยนต์
ทั้งสองฝ่ายตกลงกำหนดภาษี 15% แบบมีเงื่อนไขสำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากยุโรปที่ส่งไปขายยังสหรัฐฯ โดยภาษีนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อยุโรปออกกฎหมายเพื่อลดภาษีในอุตสาหกรรมของตนเองก่อน
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสฝั่งสหรัฐฯ ระบุว่า หากยุโรปเสนอกฎหมายเพื่อลดอัตราภาษีในอุตสาหกรรม ก็เพียงพอแล้วที่จะนำไปสู่ข้อแลกเปลี่ยนนี้
แถลงการณ์ระบุว่า "สำหรับรถยนต์ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมีความตั้งใจที่จะยอมรับและให้การยอมรับในมาตรฐานรถยนต์ของแต่ละฝ่ายร่วมกัน"
ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ 15% สำหรับกลุ่มยานยนต์ลดลงอย่างมากจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่ไว้ที่ 30% และยังลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากอัตราภาษีที่ยุโรปเผชิญในปัจจุบันที่ 27.5%
ที่มา CNBC
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ