โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

บันทึกหน้าสุดท้าย…และบทต่อไปของ CGM48

THE STANDARD

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
บันทึกหน้าสุดท้าย…และบทต่อไปของ CGM48

หัวข้อในเนื้อหานี้

  • บทที่ 1: เชียงใหม่ 106
  • บทที่ 2: Yume wa Nigenai – จะไม่หนีจากความฝัน
  • บทที่ 3: Generation Change
  • บทที่ 4: hetare tachi yo – สิ้นสุดทางแพ้
  • บทส่งท้าย

ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นในวันสบายๆ กับเครื่องดื่มที่อยู่ในมือให้ความรู้สึกผ่อนคลายพอๆ กับกลิ่นหอมกรุ่นของขนมมันหวาน ชวนให้บทสนทนาระหว่าง 1 พิธีกรและ 7 สาวจากวงไอดอลแห่งแดนเหนือ CGM48 ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นกันเอง ทุกเสียงหัวเราะ ทุกประโยคสนทนา ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและรีแลกซ์ ราวกับเรากำลังนั่งล้อมวงคุยกันในบ่ายวันหยุด

ก่อนที่บทสนทนานี้จะพาเราทุกคน ประหนึ่ง “เปิดลิ้นชักใต้โต๊ะของโนบิตะ” แล้วกระโดดลงไปนั่งไทม์แมชชีน พร้อมย้อนเวลาไล่ดูร่องรอยของวันวาน เรื่องราวมากมายที่ถูกประทับไว้บนผนังแห่งความทรงจำตลอด 6 ปีของการเดินทางในนาม CGM48 พร้อมภาพถ่ายจากกล้องฟิล์มที่คอยบันทึกในห้วงเวลาระหว่างพูดคุย และหลังเวทีจากคอนเสิร์ตของ CGM48

เป็นการทบทวนอดีตในแบบที่ไม่ใช่เพื่อโหยหา แต่อยากพาเรากลับมายืนที่เดิม พร้อมมองไปข้างหน้า เพื่อเขียนบันทึก “หน้าต่อไป” ในแบบฉบับของ Next Chapter ของวง CGM48

CGM48 Next Chapter

บทที่ 1: เชียงใหม่ 106

“พอต้องทบทวนอะไรที่เกี่ยวกับวันแรกๆ ในเครื่องแบบ CGM48 ของพวกเรา หนูมักจะนึกถึงวันที่เรานั่งคุยกันว่า อยากให้วงเราเดินไปแบบไหนดีนะ…?”

แชมพูอาสาพูดขึ้นเป็นคนแรก ราวกับหยิบกุญแจไขลิ้นชักแห่งความทรงจำที่เธอเฝ้าเก็บไว้มานาน

“จำได้ว่า คุณครูถามว่า อยากให้ CGM48 ในอนาคตเป็นยังไง ทุกคนอยากให้ผู้คนมองวงนี้แบบไหน? แล้วทุกคนก็บอกว่า อยากให้เวลานึกถึงเชียงใหม่ ก็ให้นึกถึง CGM48

“มันเป็นโมเมนต์ที่พวกเราดูมีแพสชันเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน รู้สึกเหมือนเป็นความฝันเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงหลายๆ คนที่มารวมตัวกันอยู่ตรงนั้น ก็เลยชอบโมเมนต์นั้นมากๆ แล้วก็รู้สึกว่า พวกเราน่าจะทำได้นะ ในอนาคต”

เสียงถัดมาเป็นของ นีนี่ ที่ต่อบทสนทนาอย่างนุ่มนวล ราวกับหยิบภาพจำอีกฉากหนึ่งมาต่อเติมผืนผ้าใบแห่งความทรงจำ โดยเล่าว่า “ทางนี้ขอเลือกช่วงเดบิวต์แล้วกันค่ะ…เพราะตอนนั้นก็ยังไม่มีใครรู้จัก CGM48 เลย มันเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ”

“เพราะภาพจำครั้งแรกของวง มันจะเป็นยังไง อยู่ที่พวกเราทั้งหมดเลย ก็เลยรู้สึกว่ากดดันมาก แต่ก็อยากทำให้ภาพจำนั้นออกมาดีที่สุด และเป็นเอกลักษณ์ของเราให้ได้ มันเหมือนการสร้างบ้านให้แข็งแรง เพื่อรอต้อนรับน้องๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต ถ้าเราวางรากฐานไว้ดี พวกเขาจะได้ไม่ลำบากมากเหมือนที่พวกเราเริ่มต้น”

นีนี่หยุดนิ่งเพื่อคิดเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “เราเจอบททดสอบเยอะมาก ทั้งการซ้อม การฝึกฝน ทุกอย่างไม่ง่ายเลยจริงๆ…ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ 6 ปี ก็อยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลานั้นไว้ให้มากกว่านี้ อยากขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่สู้มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ด้วย”

ถัดมาก็ถึงคราวของ คนิ้ง ที่ยกมือขึ้นเพื่อร่วมวงสนทนา พร้อมกับประโยคเปิดที่ทำให้อีก 2 คนที่พูดไปก่อนหน้าหันมายิ้มสบตากันอย่างรู้ใจ

“ถ้าสำหรับหนู ยกให้เป็นช่วงที่ถ่ายภาพยนตร์ ‘ห้าวเป้งจ๋า…อย่าแกงน้อง’ ค่ะ”

เพียงแค่เธอเอ่ยชื่อรายการ สาวๆ อีกสองคนที่เพิ่งพูดจบไปไม่นานก็หลุดยิ้มกว้างออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย เหมือนต่างคนต่างรู้ดีว่าเบื้องหลังความสนุกของเรื่องนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ตอนนั้นเรายังเด็กกันมาก แล้วมาจากหลายจังหวัด ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไร เขาก็ชอบพาเราออกสถานที่ ไปทำอะไรที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ ทั้งขึ้นเขา ลงน้ำ โดนแกล้งบ้างอะไรบ้าง ตอนแรกก็คิดว่า นี่คือปกติของรายการ SENPAI แบบที่เคยเห็นตามติดชีวิตรุ่นพี่ไอดอล แต่พอเริ่มถ่ายไปสักพัก…เอ๊ะ ทำไมดูไม่ใช่ละ (หัวเราะ) รู้ตัวอีกทีก็โดนแกล้งไปเยอะเลยค่ะ”

หลังจากปล่อยให้เหล่ารุ่น 1 ได้ใช้เวลาท่องร่องรอยแห่งความทรงจำในอดีต เราเอ่ยถามต่อ กับคำถามที่ดูเหมือนเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายว่า

CGM48 Next Chapter

อะไรคือสิ่งที่คุณภูมิใจที่สุด ที่ได้สร้างและทิ้งไว้…ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกของ CGM48

คนิ้ง ตอบขึ้นก่อนเป็นคนแรก เธอเว้นจังหวะคิดเล็กน้อย ก่อนเล่าด้วยแววตาจริงจังว่า “หนูว่ามันยากมากเลยค่ะ ในช่วงแรกๆ ที่เริ่มก่อตั้งวงขึ้นมา เพราะตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นยังไงต่อ…เห็นว่า BNK48 ในกรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จ ก็เลยอยากลองเปิดวงน้องสาวที่เชียงใหม่ดูบ้าง”

สำหรับคนิ้งแล้ว…เชียงใหม่ในตอนนั้น ไม่ได้ง่ายนักสำหรับการสร้างปรากฏการณ์อะไรที่ ‘แมส’

“มันเป็นเมืองที่พอมีอะไรมาก็จะเห่อแป๊บเดียว แล้วเงียบหายไป หนูไม่ได้คิดถึงจุดนั้นตั้งแต่แรกหรอกค่ะ เพิ่งมาคิดช่วงท้ายๆ ว่า…เฮ้ย เราก็เก่งเหมือนกันนะ ที่ผ่านมาได้จนถึงตอนที่มีน้องๆ รุ่น 4 แล้ว”

“เราผ่านช่วงโควิดที่หนักมาก ผ่านความไม่แน่นอนสารพัดอย่าง แต่เรายังอยู่…วงเราก็ยังอยู่ ทุกคนช่วยกันผลักดันให้ CGM48 มาถึงตรงนี้ได้ มันอาจดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต แต่จริงๆ แล้ว เวลาและความพยายามทั้งหมดที่เราใส่ลงไป มันพิสูจน์ตัวเองแล้ว แน่นอนว่าหนูภูมิใจนะคะ ที่เราได้เริ่มต้นอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครเคยทำ…แล้วมันเกิดขึ้นจริงและประสบความสำเร็จ

“อาจจะเป็นชื่อเสียงแล้วกันค่ะ” นีนี่ เสริมต่อทันที ราวกับคำตอบนั้นค้างอยู่ในใจเธอมานาน

“เพราะจากวันแรกๆ ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเราเลย คนอาจจะรู้จักแค่ว่า CGM48 เป็นวงน้องของ BNK48 แต่ไม่รู้จักพวกเราเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าคนเริ่มพูดถึงเรามากขึ้น ยอดเอ็นเกจก็สูงขึ้น มีฟีดแบ็กจากโซเชียลมากมายเลย

“หนูว่าชื่อเสียงที่เราช่วยกันสร้างมาตั้งแต่วันแรก มันคือเรื่องราวของการเดินทาง เป็นเหมือนตะเกียงดวงเล็กๆ ที่เราส่งต่อให้รุ่นน้องที่เข้ามาทีหลัง หนูอยากให้คนรู้จัก CGM48 มากขึ้นกว่านี้อีก อยากให้เห็นว่า เราคือวงที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง มีความสุข ความฝัน และความพยายามของเด็กผู้หญิงอยู่ในนั้น เชื่อว่าน้องๆ ที่ยังอยู่ในวงตอนนี้จะทำให้ชื่อเสียงของ CGM48 ดังขึ้นไปได้อีก และทำให้พวกเราภูมิใจในสิ่งที่เราสร้างไว้”

แชมพู ค่อยๆ พูดต่อด้วยน้ำเสียงน่ารักที่แฝงความคิดลึกซึ้งว่า “หนูเชื่อว่าก่อนจะมีชื่อเสียง มันต้องมี ‘ความพยายาม’ ด้วยค่ะ”

“เพราะรุ่นหนึ่งของพวกเราไม่มีใครที่เก่งมาตั้งแต่แรก ทุกคนต่างมีพื้นฐานไม่เหมือนกัน บางคนไม่มีเลยด้วยซ้ำ เราเลยต้องพยายามปรับตัวเข้าหากัน และทำให้คนภายนอกมองเห็นว่า แม้พวกเราจะยังไม่เก่ง…แต่พวกเรามีความฝันเหมือนกัน”

“หนูอยากให้ใครก็ตามที่เห็นพวกเรา ได้แรงบันดาลใจเล็กๆ ว่า ไม่จำเป็นต้องเก่งตั้งแต่แรกก็ได้ แค่พยายามในสิ่งที่เราตั้งใจ เราก็จะเก่งขึ้นได้ เหมือนที่พวกเรากำลังเป็นอยู่ตอนนี้ค่ะ

“อยากให้รู้ไว้นะคะว่า มันไม่มีหรอกวันที่ล้มเหลวตลอดไป คนเราสามารถล้มเหลวได้ แต่มันอยู่ที่ว่า…เราจะไปต่อยังไง จะรับมือกับมันยังไง”

“ถ้าเราเอาความล้มเหลวมาเป็นแรงผลักดันให้เราโตขึ้นได้ มันจะคุ้มค่ามาก แต่ถ้าเรายอมแพ้ แล้วปล่อยให้ความล้มเหลวนั้นกลืนเราไป…เราก็จะหยุดอยู่แค่นั้น หวังว่าใครก็ตามที่ต้องเผชิญความล้มเหลวในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ขอให้เจอแรงผลักดันสักอย่าง ที่จะทำให้พวกเราก้าวต่อไปได้…เติบโตขึ้น จนตัวเองภูมิใจ และคนรอบข้างก็ภูมิใจไปพร้อมกันนะคะ”

CGM48 Next Chapter

บทที่ 2: Yume wa Nigenai – จะไม่หนีจากความฝัน

“ฟังมาถึงตรงนี้ หนูรู้เลยว่า ที่นี่…มีกลุ่มเด็กสาวที่ล้วนแต่มีแพสชันทั้งนั้นเลย”

แพร – รองกัปตันทีม C คนใหม่ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะค่อยๆ เล่าความรู้สึกจากใจ หลังได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่ชื่อว่า CGM48 บ้านที่รุ่นพี่รุ่นหนึ่งร่วมกันก่อร่างสร้างไว้ ด้วยความรักและความพยายามตลอดหลายปี

“หลังจากที่หนูเข้ามา หนูก็รู้สึกเลยว่า…แพสชันของทุกคนยังอยู่ ถึงแม้หลายคนจะมีเส้นทางของตัวเองที่แตกต่างไป บางคนมีแพสชันอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นนักดนตรี บางคนยังรักการเป็นไอดอลอยู่

“บางคนก็กล้าออกจาก comfort zone เพื่อตามหาอนาคตของตัวเอง หนูรู้สึกว่าการที่เราได้มาอยู่ในบ้านหลังนี้ กับคนที่มีแพสชันหลากหลายแบบนี้ มันทำให้หนูมีไฟเพิ่มขึ้นด้วย

“มันทำให้หนูอยากอยู่ตรงนี้ต่อ อยากทำให้ดีขึ้น เพราะพลังงานแบบนี้คือพลังบวก มันช่วยดึงให้เราลุกขึ้นได้ แม้จะมีวันที่ไม่ดี พวกเขาก็จะบอกเราเสมอว่า ‘ไม่เป็นไรนะ’ อย่าคิดมาก แล้วเราก็จะสามารถ move on จากจุดนั้นได้ เพื่อโฟกัสกับเป้าหมายของตัวเอง…หรืออะไรก็ตามที่เป็นความสุขของเราในตอนนั้นค่ะ”

เสียงของรุ่นน้องอีกคนดังตามมาติดๆ ครั้งนี้เป็นเสียงของกัปตันวง CGM48 พี่ลูกเกดพาเราย้อนกลับไปในวันที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิก CGM48 รุ่น 2 ใหม่ๆ

“ตอนมาใหม่ๆ สิ่งที่เห็นเลยคือ ความยิ่งใหญ่ของ CGM48 ตอนนั้นรุ่นหนึ่งเต้นกันแบบ performance ดีมาก หน้าตาน่ารัก เป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยแพสชัน”

“แต่พอเราเข้ามาเป็นรุ่นน้อง หนูรู้สึกว่าสบายใจมากเลยค่ะ…หนูยังไม่ต้องออกหน้า ไม่ต้องแข็งแรงมากก็ได้ เหมือนยังหลบอยู่หลังพี่ๆ ได้ เพราะเห็นเลยว่าเขาฝึกกันเยอะมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้

“แต่พอเวลาผ่านไป ก็เริ่มรู้สึกว่า…แล้วถ้าวันหนึ่งพี่ๆ ไม่อยู่ล่ะ?”

“ตอนนั้นเลยเริ่มรู้ตัวว่า ถ้าวันแห่งฤดูกาลผลัดใบมาถึง คนที่ต้องแบกรับมันต่อ อาจเป็นเรานี่แหละ…คนที่ต้องรับช่วงต่อ สร้างรากฐานนั้นให้แข็งแรงต่อไป เราไม่อยากให้วันที่รุ่นพี่จบการศึกษาไปแล้ว กลายเป็นวันที่วงอ่อนแรงลง เพราะวงนี้มันถูกสร้างมาด้วยความเหนื่อยยาก เต็มไปด้วยความตั้งใจ และความภาคภูมิใจของใครหลายๆ คน”

เธอพยักหน้าช้าๆ ราวกับเน้นย้ำกับตัวเองไปในเวลาเดียวกัน

“ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ได้ตลอดไปหรอกค่ะ ถึงจุดหนึ่งทุกคนก็ต้องไปค้นหาตัวเอง แต่ระหว่างที่ยังอยู่ เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อส่งต่อสิ่งที่พี่ๆ เคยสร้างไว้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นไปอีก และหนูก็หวังว่า…วันหนึ่งที่เราจบการศึกษาไป น้องๆ รุ่นต่อๆ ไปจะรู้สึกแบบเดียวกันนี้ ว่าพวกเขาก็อยากจะสร้างต่อไปให้มั่นคง ไม่ให้วงอ่อนแอหรือหวั่นไหวไปง่ายๆ”

CGM48 Next Chapter

หลังจาก ลูกเกด พูดจบด้วยน้ำเสียงมั่นใจสมกับตำแหน่งกัปตันของวง สายตาหลายคู่ก็หันไปมอง นานา อีกหนึ่งสมาชิกจากรุ่น 2 ที่เติบโตเคียงข้างพี่ลูกเกดในสถานะ “รุ่นน้องคนแรก”

“หนูว่ารุ่นหนึ่งมีสิ่งหนึ่งที่ชัดมากๆ คือ ความเป็นธรรมชาติค่ะ” นานาเอ่ยขึ้น

“ตอนแรกที่หนูเข้ามา หนูไม่ได้รู้สึกเหมือนมาทำงาน หรือเข้าออฟฟิศเลย รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว มากกว่า”

เธอยิ้มพลางหันไปมองนีนี่กับแชมพู “สองคนนี้ก็มักจะมาเล่นกับหนูบ่อยมาก ทำให้รู้สึกสนิทกันเร็วมากๆ เลยค่ะ…ใจหายเหมือนกันนะ ถ้ากลับมาสัปดาห์หน้า แล้วไม่เจอสองคนนั้นอีกแล้ว”

เสียงหัวเราะเบาๆ ตามมาหลังคำพูดนั้น แต่แววตานานากลับซ่อนน้ำตาเอาไว้ไม่มิด ท่ามกลางความเงียบที่โอบล้อมบรรยากาศในห้อง ก่อนที่น้องคนเล็กจาก รุ่น 4 จะหยิบไมค์ขึ้นมาและพูดต่อด้วยความตั้งใจว่า

“ถ้าสมมุติจะเปรียบที่นี่เป็น บ้าน…หนูว่า รุ่นพี่รุ่น 1, 2, 3 ก็คือคนที่ช่วยกันสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาทีละนิดเลยค่ะ พวกเขาตอกเสาเข็ม เทปูน ตั้งกำแพง ขึ้นหลังคา ส่วนพวกหนูก็เป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้

“แต่สำหรับหนู…บ้านหลังนี้ ไม่มีวันสร้างเสร็จหรอกค่ะ มันสามารถต่อเติมไปได้เรื่อยๆ บ้านจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่ง ถ้ามีตรงไหนพังบ้าง พวกเราจะเป็นคนช่วยกันซ่อมเหมือนบ้านจริงๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน ต้องดูแล คอยต่อเติม เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา”

“หนูคิดแค่ว่าเข้ามาแล้วจะตั้งใจร้อง ตั้งใจเต้นให้ดี แต่พอเห็นว่ารุ่นพี่จะไม่อยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่า…การจากลา มันเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ เลยอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้ให้มากที่สุด เพราะหลังจากเดบิวต์ไป อาจจะไม่ได้เจอรุ่นตัวเองบ่อยๆ แล้วก็อาจจะเริ่มแยกย้ายทำงานกับรุ่นอื่นแทน เลยอยากเก็บช่วงเวลาดีๆ ไว้ให้เยอะที่สุดค่ะ”

CGM48 Next Chapter

เมื่อบทสนทนาไหลมาถึงตรงนี้ เราชวนทุกคนลองคิดว่า “หากที่นี่คือบ้าน แล้วมรดกสำคัญที่ควรค่าแก่การเก็บไว้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่รุ่น คืออะไร”

คนิ้ง เด็กสาวจากเจียงใหม่โดยกำเนิด ตอบขึ้นก่อนด้วยความมั่นใจ “หนูรู้สึกว่า ภาษาเหนือ ค่ะ เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ที่น่ารักมากๆ ของวงเรา”

“ด้วยความที่วงเราตั้งอยู่เชียงใหม่ ภาษาเหนือเลยเป็นส่วนสำคัญของตัวตนเรา หนูอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กก็เลยชิน แต่พอเห็นคนจากจังหวัดอื่นมา พวกเขาก็จะไม่ชินเลย อย่างคำว่า ‘นอนเช้า’ ที่แปลว่า นอนเร็ว ก็จะงงกันอยู่พักใหญ่”

“แต่หนูว่ามันน่ารักมากเลยนะ ถึงจะพูดกันไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็สนุก เพลงที่ใส่ภาษาเหนือเข้าไปก็น่ารักมากๆ อยากให้ตรงนี้รักษาไว้ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ”

นานา พยักหน้าเห็นด้วยทันที แล้วเสริมต่อ “ใช่เลยค่ะ หนูว่าทุกคนไม่ควรลืมว่า เอกลักษณ์ของเราคือ ‘เด็กสาวข้างบ้าน’

“เราอาจไม่ได้มีพื้นฐานอะไรมากมาย แต่เราก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นที่นี่ เหมือนคนข้างบ้านที่คุ้นเคย แล้วได้เห็นการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน มันน่ารักดีนะ”

นีนี่ ที่จดคำตอบไว้ล่วงหน้า ก็ขอพูดด้วยรอยยิ้ม “หนูนึกออกอย่างหนึ่งเลย คือเรื่องของความเป็นครอบครัว CGM48 เพราะช่วงแรกๆ เราต้องอยู่หอด้วยกัน เจอกันทุกวัน ซ้อมด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ความใกล้ชิดพวกนี้ทำให้พวกเราสนิทกันมากขึ้น”

“เรารู้จักกัน เข้าใจกัน ทำให้เวลาทำงานด้วยกัน ทุกอย่างมันสมูทขึ้นมาก มันเลยไม่ใช่แค่การเป็นวง แต่กลายเป็นครอบครัวที่เราพูดคุยกันตรงๆ ได้ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัว”

“ความสัมพันธ์พี่น้องตรงนี้ หนูรู้สึกว่าเป็นมรดกสำคัญมากๆ ที่อยากให้ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ในทุกยุคทุกเจเนอเรชัน”

CGM48 Next Chapter

ขณะที่ ลูกเกด หยิบมุมพิเศษอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาพูดถึง “สิ่งที่ควรค่าแก่การรักษาไว้” ในนามของ CGM48 นั่นคือ ธรรมชาติ ที่โอบล้อมเชียงใหม่ และทำหน้าที่ยกระดับมิวสิกวิดีโอของวงให้โดดเด่นกว่าวงไหนๆ

“หนูเข้ามาเป็นรุ่น 2 แล้วก็ติดเซ็มเพลง ‘2565’ ตั้งแต่เพลงแรกเลยค่ะ แล้วเพลงนั้นต้องไปถ่ายบนเขา…”

เธอหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูตัวเอง “คือหนูเป็นเด็กชลบุรีค่ะ เป็นเด็กทะเล ไม่ค่อยได้เที่ยวภูเขา พอได้ขึ้นเขาที่เชียงใหม่ ก็รู้สึกเลยว่า ‘อ๋อ…นี่แหละ ความงามของภูเขาที่แท้จริง’ เพราะได้ยินมาตลอดว่าถ้าอยากเที่ยวภูเขาให้มาที่นี่”

“การได้เป็นส่วนหนึ่งของ MV ที่ต้องบุกป่าฝ่าดง ทนลมหนาว เหนื่อยก็จริง แต่พอเห็นผลลัพธ์แล้วมันคุ้มค่ามาก วิวสวยมากจริงๆ หนูเลยคิดว่าแฟนคลับหลายคนก็น่าจะตามรอยกันด้วย ความเป็นธรรมชาติในหลาย MV มันเลยกลายเป็นภาพจำที่น่ารักของ CGM48 ไปแล้ว”

นิชา เสริมมุมความผูกพันจากมุมเล็กๆ แต่มีความหมายใหญ่ในใจเธอ “หนูว่าหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ CGM48 มี ก็คือ ความสนิทกันค่ะ อาจจะไม่ได้สนิทกับทุกคนทุกเจเนอเรชัน แต่หนูรู้สึกว่ารุ่นของหนูสนิทกันมากจริงๆ พวกเราอยู่ด้วยกันตลอด รู้สึกว่าแค่อยู่ด้วยกันมันก็รู้สึกอบอุ่นแล้ว ถ้าทุกคนมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ควรเก็บไว้เลยค่ะ”

ในขณะที่ แพร มองลึกไปถึงแก่นนิสัยและจิตใจของสมาชิกในวง

“หนูว่า กิริยา มารยาท ความอ่อนน้อมถ่อมตน คืออีกสิ่งที่ CGM48 ควรรักษาไว้ให้ดีที่สุด คือพวกเรามาจากคนละที่ บางคนไม่ใช่คนเหนือด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่ที่นี่ มันหล่อหลอมให้เรากลายเป็นเด็กเรียบร้อย อ่อนน้อม ไม่ใช่ว่าต้องพูดช้าอะไรแบบนั้นนะคะ แต่พอคนภายนอกเข้ามาเจอเรา เขาจะรู้สึกว่า ‘นี่มันเด็กเชียงใหม่เลยนะ’”

“เพราะข้างในเราสอนกันตลอด ให้ไหว้ ให้ขอโทษ ให้ขอบคุณ หนูรู้สึกว่าครอบครัวในนี้ มันส่งต่อออกไปถึงคนข้างนอกจริงๆ อยากให้ทุกคนเป็น เด็กน่ารัก กันต่อไปแบบนี้ค่ะ”

และสุดท้าย…เสียงของ แชมพู จากรุ่น 1 ก็ดังขึ้น แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจที่อยากส่งไม้ต่อให้ชัดที่สุด ก่อนเดินจากไป

“ถ้าถามว่าอยากให้รุ่นน้องเก็บอะไรไว้ หนูขอเลือกคำว่า ‘กระดูกเดียวกัน’ ค่ะ”

“สมัยก่อน CGM48 เคยถูกชมว่าเป็นวง performance เต้นพร้อมกันเป๊ะมากเลยนะ แต่พอเริ่มมีรุ่นน้องเข้ามา ไลน์การเต้นของรุ่น 1 กับ 2 ก็เริ่มต่างกัน เราก็ต้องมาปรับกันใหม่ให้เต้นเหมือนกัน”

“พอแฟนคลับชมว่าเต้นพร้อมกันดีมาก หนูก็ดีใจมากเลยค่ะ ก็เลยอยากให้รุ่นหลังๆ ที่เข้ามาใหม่ ก็พยายามปรับจังหวะให้ไปด้วยกัน แล้วทำให้วงของเรายังคงเป็นวง performance ที่แฟนๆ จดจำได้ต่อไปค่ะ”

CGM48 Next Chapter

บทที่ 3: Generation Change

เมื่อบทสนทนาเดินทางมาถึงครึ่งทาง

กลิ่นอายของ “ความเปลี่ยนแปลง” ซึ่งเป็นธีมหลักของการพูดคุยในวันนี้ ก็ค่อยๆ คลี่คลุมบรรยากาศอย่างชัดเจนขึ้น แม้จะไม่มีใครอยากพูดถึง…แต่ก็ไม่มีใครเลี่ยงมันได้

เราจึงเปิดโอกาสให้ 3 เมมเบอร์รุ่น 1 ได้ใช้ช่วงเวลานี้ เพื่อส่งต่อคำแนะนำ หรือแรงใจบางอย่าง ให้กับรุ่นน้องทั้งรุ่น 2, 3 และ 4 ที่จะต้องเป็นคนดูแลวง CGM48 ต่อจากพวกเธอในวันข้างหน้า

“น่าจะเป็นเรื่อง burnout ค่ะ…” แชมพู ตอบอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงจริงจังอย่างเห็นได้ชัด

“หลายคนชอบมาบ่นว่า burnout ทำยังไงดี…ซึ่งหนูว่าทุกคนมีวิธีรับมือไม่เหมือนกันค่ะ แต่มันคือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะ burnout มันเหมือนหมดไฟในตัวเองเลย แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเติมไฟกลับมาไม่ได้”

“ถ้าเป็นหนู หนูก็จะหาอะไรที่ช่วยเติมไฟ อย่างเช่นดู performance ของรุ่นพี่จาก AKB48 หรือเสพเพลง เสพโชว์ที่เรารัก เพื่อเติมพลังให้ตัวเองอีกครั้ง”

“อย่างหนูเป็นอินโทรเวิร์ตด้วยนะคะ ถ้าเจอคนเยอะไปก็จะขอถอยกลับมา recharge ตัวเองในห้องก่อน แล้วค่อยออกไปใหม่ เพราะสุดท้าย…ไม่ว่าเราจะรู้สึกยังไง งานก็ยังต้องเดินต่อค่ะ the show must go on ไม่ว่าวันนั้นเราจะเศร้าจะเหนื่อยแค่ไหน คนดูเค้าอาจจะดูโชว์ของเราแค่ครั้งเดียว หนูอยากให้เขาจดจำ CGM48 ได้ในแบบที่ดีที่สุดค่ะ”

นีนี่ รับไม้ต่อทันทีด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและจริงใจว่า “หนูอยากให้ทุกคนมีความสุข ค่ะ…ไม่ต้องกดดันหรือเครียดเกินไป อยากให้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยที่ยังยิ้มได้อยู่”

“หนูเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน ก็อยากให้ดึงความสามารถนั้นออกมาใช้ให้ถูกจังหวะ ถูกวิธี เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง และทำให้ตกแฟนคลับเพิ่มขึ้นได้”

“อีกเรื่องคือ โอกาสค่ะ บางครั้งเราเลือกไม่ได้เยอะหรอก มันมีอะไรมาก็ต้องรีบคว้า เพราะโอกาสเล็กๆ อาจพาเราไปสู่โอกาสใหญ่ๆ ได้”

เธอหยุดหายใจสั้นๆ ก่อนพูดต่อด้วยความจริงใจที่แทรกพลังของคนที่ผ่านอะไรมาไม่น้อย “กว่าหนูจะมาถึงตรงนี้ได้ หนูรู้เลยว่ามันไม่ใช่เพราะ ‘เขาเลือกหนู’ อย่างเดียว แต่มันเพราะหนู พยายามไขว่คว้าทุกอย่างที่มีให้มากกว่า หนูก็เลยอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนตรงนี้ด้วย ถ้ามีอะไรก็ทักมาขอกำลังใจกันได้เลยนะคะ”

ส่วน คนิ้ง ที่เงียบอยู่นาน ค่อยๆ เอ่ยขึ้น พร้อมรอยยิ้มบางๆ ตามสไตล์คนคูลๆ ของเธอ

“ไม่รู้ว่ามันจะเป็นประโยชน์มั้ยนะ แต่หนูเป็นคนค่อนข้างชิล คือเมื่อก่อนหนูก็เคยเครียด เคยมีช่วงที่กดดันกับหลายๆ อย่างเหมือนกัน แต่พอผ่านมาได้แล้ว รู้เลยว่า ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา จริงๆ ค่ะ”

“บางคนเห็นตอนนี้เราแบบดูดี ทำอะไรก็ได้ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย มันต้องค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องเก่งตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องทำได้ทันทีตั้งแต่เริ่มต้น ขอแค่มี ‘ความพยายาม’ เท่านั้นเอง”

“เข้าใจนะว่าหลายๆ อย่างมันกดดันเรา แต่สุดท้าย หนูรู้สึกว่า ความพอใจของตัวเราเอง ต่างหากที่สำคัญที่สุด บางเรื่องก็แค่ปล่อยมันไปเถอะ ไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้ ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ ก็แค่จริงจังกับมันในแบบของเรา โดยไม่ต้องฟังเสียงรอบข้างมากเกินไป เพราะคนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง” – เธอเน้นย้ำเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากเสียงของรุ่น 1 ถูกส่งต่อออกไปด้วยพลังใจอย่างล้นเหลือ…คำถามหนึ่งก็ถูกโยนกลับมาสู่รุ่นที่ต้อง “รับไม้ต่อ”

CGM48 Next Chapter

CGM48 ยุคใหม่ในมือของพวกเธอ รุ่น 2-4 จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

ลูกเกด กัปตันคนเก่งของวง รับหน้าที่ตอบในฐานะ “หัวเรือ” ของยุคต่อไป บอกว่า “ถ้าพูดตรงๆ ที่ผ่านมาหนูยังรู้สึกว่า รุ่น 1 เขายังอยู่อยู่เลยค่ะ…เหมือนพวกเขาเป็นเกราะกำบังที่เรามีมาตลอด

“แต่พอรู้ว่าพวกเขากำลังจะหมดสัญญา เราก็ต้องเริ่มเผชิญหน้ากับความจริง ว่าเราต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้

“สิ่งที่อยากสานต่อคือ เอกลักษณ์ของวงค่ะ ไม่ว่าจะเป็น performance ความสนิทกัน ความเป็นครอบครัว สิ่งเหล่านี้ควรอยู่ต่อ ไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะมันดีอยู่แล้ว”

“สิ่งที่หนูอยากทำคือ ‘ต่อยอด’ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม อยากให้คนพูดถึง CGM48 อีกครั้งว่า เป็นวงที่เต้นเป๊ะ เป็นเด็กสาวข้างบ้านที่สดใส”

เธอพูดถึงภาพในใจอย่างชัดเจน “อยากให้แค่พูดชื่อ CGM48 แล้วคนรู้เลยว่า ‘อ๋อ วงที่อยู่เชียงใหม่ใช่มั้ย’ อยากให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น เพราะตอนนี้รุ่นใหม่ก็ต้องเติบโตขึ้นโดยไม่มีรุ่นพี่คอยอยู่ข้างหลังแล้ว”

นานา เสริมต่อจากลูกเกดทันที “เป้าหมายของหนูคือ อยากทำให้ CGM48 แมสขึ้น จริงๆ ค่ะ”

“เหมือนที่พี่เกดพูดเลย ตอนนี้เวลาเราแนะนำตัวเอง บอกว่าเป็นวง CGM48 คนก็จะถามกลับว่า ‘วงอะไรนะ?’ แต่ถ้าเราบอกว่าเป็นวงน้องสาวของ BNK48 ถึงจะร้องอ๋อ…”

เธอจึงตั้งใจว่า “อยากให้วันหนึ่ง แค่พูดว่า ‘หนูอยู่ CGM48’ แล้วคนก็เก็ตเลยทันที”

นานาไม่ลืมพูดถึงสิ่งสำคัญอีกอย่างในใจ

“หนูอยากให้เด็กผู้หญิงหลายๆ คนมองเข้ามาในวง แล้วรู้สึกว่า อยากสมัครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ CGM48 เหมือนที่พวกเรารู้สึกในวันแรกค่ะ”

“เพราะถ้ารุ่นหนึ่งจบไป มันก็เหมือนเสาบ้านหักไปหนึ่งศอก เราก็ต้องช่วยกันเสริมให้แข็งแรงเหมือนเดิม อยากเติมสีสันให้บ้านหลังนี้ มีคอนเทนต์ มีกิจกรรม มีความสุข มีแพสชันร่วมกัน แล้วจับมือกันพาวงเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง”

CGM48 Next Chapter

แพร รับไม้ต่ออย่างนุ่มนวล ด้วยมุมมองที่สะท้อนความรักต่อบ้านหลังนี้อย่างเต็มเปี่ยม

“หนูว่าบ้านที่รุ่นหนึ่งสร้างไว้ ทาสีไว้สวยมากๆ แล้วค่ะ…

“หนูเป็นคนที่รัก CGM48 มาก หนูชอบทุกอย่างที่เป็นวงนี้ เพราะงั้น หนูไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลยค่ะ แค่อยาก ดูแลและบำรุงรักษา มันให้ดีที่สุด ถ้าในวงอยากต่อเติมอะไรในทางที่ดี หนูก็พร้อมซัพพอร์ตตลอด ขอแค่ให้วงนี้คงอยู่และเติบโตต่อไปก็พอแล้วค่ะ”

นิชา ปิดท้ายเซกชันนี้อย่างเรียบง่ายแต่ชัดเจน

“นูว่าการรักษาเอกลักษณ์ของ CGM48 ไว้คือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ แล้วก็อาจจะเพิ่มเติมบางเรื่อง เช่น performance ที่อยากให้ดีขึ้นไปอีก คือเราก็มีจุดแข็งที่วงอื่นไม่มี อย่างเรื่อง เพลง Original ที่ใช้ภาษาเหนือ ถ้าเราโปรโมตให้ดี คนก็จะจำได้ว่า นี่แหละ วงที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร”

เธอยังมองเห็นโจทย์ใหญ่ที่วงต้องเจอในวันนี้ “ตอนนี้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จัก CGM48 ด้วยค่ะ เพราะวงอยู่เชียงใหม่ โอกาสการออดิชันเลยน้อยลง

“แต่ถ้าเราทำให้วงนี้น่าอยู่ขึ้น คนจะอยากสมัครเข้ามาเอง หนูก็อยากให้ CGM48 เติบโตไปได้อีก เพราะมีคนที่อยากอยู่ตรงนี้จริงๆ เข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ”

CGM48 Next Chapter

บทที่ 4: hetare tachi yo – สิ้นสุดทางแพ้

บทสนทนาเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย…

อุณหภูมิของบทพูดคุยเริ่มเปลี่ยนไปจากจุดเริ่มต้นอย่างชัดเจน จากเสียงหัวเราะกลายเป็นแววตานิ่งคิด จากถ้อยคำสนุกสนานกลายเป็นถ้อยคำที่ซื่อตรงที่สุดจากใจ

เพราะครั้งนี้ ทุกคนไม่ได้แค่เปิดบ้านต้อนรับ แต่เปิด “หัวใจ” ให้เราเห็นทั้งหมด

ทุกประโยคที่กลั่นออกมา ไม่ว่าจะผ่านน้ำเสียง รอยยิ้ม น้ำตา หรือความเงียบระหว่างบรรทัด ล้วนคือความจริงที่บอกเล่าเรื่องราวของการเดินทางในฐานะสมาชิก CGM48 ที่กำลังยืนอยู่ตรงจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ

และใช่ครับ…หลังจากพาทุกคนท่องอยู่ในไทม์แมชชีนแห่งความทรงจำอยู่พักใหญ่ ตอนนี้ สาวๆ ทั้ง 7 คนได้ก้าวเท้าลงจากเครื่องนั้นอีกครั้ง

มาจอด ณ จุดที่พวกเธอคุ้นเคยที่สุด “บ้าน” ของ CGM48

คนิ้ง เป็นคนแรกที่พูดถึง บ้านหลังนี้ ในมุมที่ต่างจากคำว่า “เวที” หรือ “วง” ที่เราคุ้นชิน

“สำหรับหนู CGM48 เหมือนเป็นโรงเรียนสอนการใช้ชีวิตเลยค่ะ”

เธอเล่าย้อนถึงวันแรกที่ก้าวเข้าสู่โลกของไอดอล

“ตอนแรกเราคิดว่าเป็นไอดอลก็คงแค่ยิ้ม เต้น ร้องเพลง แต่พอเข้ามาจริงๆ มันคือการทำงาน มันสอนให้เรารู้จักจัดการชีวิตตัวเอง รู้จักคิด รู้จักรับมือกับสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน”

“มันทำให้เราพร้อมกว่าคนอื่น เวลาจะออกไปใช้ชีวิตนอกวง เราไม่ใช่เด็กจบใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน…แต่เราผ่านการลองผิด ลองถูก และเรียนรู้มาจากที่นี่แล้ว”

นีนี่ พยักหน้าตามด้วยรอยยิ้มก่อนเสริมต่อ “เห็นด้วยเลยค่ะ หนูก็มองว่า CGM48 เหมือนโรงเรียนเหมือนกัน…มันมีคลาส มีเลเวล มีเพื่อน พี่ น้อง ที่เติบโตมาด้วยกัน”

“ทุกอย่างเหมือนการเก็บเลเวล สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ คลาสร้อง คลาสเต้น คลาสอินเนอร์ ก็เป็นเหมือนห้องเรียนของเรา”

“จนวันหนึ่ง พอเวลาของเราในโรงเรียนนี้หมด เราก็ต้องออกไปใช้ชีวิตจริง ที่อาจต้องเหนื่อย ต้องสู้ แต่เรามีพื้นฐานจากที่นี่แล้ว เราโตแล้ว ล้มแล้วลุกมาใหม่ได้ หนูรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เรียนในโรงเรียนแห่งนี้ค่ะ”

CGM48 Next Chapter

นานา ที่ฟังอยู่เงียบๆ ตลอดช่วงนั้น แล้วพูดต่อทันทีว่า “ตอนแรกหนูก็คิดว่า CGM48 เป็นโรงเรียนเหมือนกันนะคะ…แต่พอคิดอีกที หนูว่า มันน่าจะเป็นสถาบันสอนพิเศษมากกว่า”

“เพราะสถาบันสอนพิเศษ…ที่เร่งให้เราโตเร็วขึ้น ที่นี่ทำให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ พูดในสิ่งที่ไม่เคยพูด กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะกล้า และออกจาก comfort zone ของตัวเองได้ทุกวัน”

“ก่อนเข้าวง หนูเป็นคนขี้อายมาก ไม่กล้าแสดงออก ไม่ทำกิจกรรมที่โรงเรียนเลย แต่พอเข้ามา หนูต้องขึ้นเวที ต้องพูดกับแฟนคลับ ต้องเต้น ต้องร้อง หนูได้ทำทุกอย่างที่ไม่เคยคิดจะได้ทำเลยค่ะ มันคือการเร่งโตแบบจริงจัง และหนูก็ขอบคุณมากที่ได้มาโตที่นี่”

“หนูรู้สึกว่าที่นี่…เป็นทั้งโรงเรียนและก็เป็นบ้านเลยค่ะ” นิชา น้องเล็กของวงบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมรอยยิ้มเจือคราบน้ำตา

“เดิมทีหนูอยู่ที่อยุธยา แต่ต้องย้ายมาเชียงใหม่ คือหนูติดแม่มาก นอนด้วยกันทุกคืน ไม่เคยแยกห้องนอนเลยแม้แต่ตอนอยู่ ม.3 ตอนแรกก็กลัวว่าเราจะอยู่ได้ไหม”

“แต่พอได้มาอยู่จริงๆ หนูมีความสุขมากๆ เลยค่ะ…”

ประโยคนั้นยังไม่ทันจบดี พี่ๆ รอบตัวก็เข้ามาโอบกอดปลอบเธอเบาๆ ราวกับจะบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ…เธอเก่งมากๆ”

“หนูคิดว่าการมาอยู่ที่นี่มันคงแค่ร้องเพลง เต้นบนเวที แต่มันไม่ใช่เลยค่ะ มันสอนการใช้ชีวิตด้วย สอนให้กล้า สอนให้จัดการตัวเอง ถึงจะอยู่ได้แค่ 3 เดือน แต่หนูก็ได้อะไรเยอะมากจริงๆ ดีใจมากๆ ที่ได้มาอยู่ที่นี่ค่ะ”

CGM48 Next Chapter

แพรพูดต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในเส้นทางของตัวเอง

“สำหรับหนู…ที่นี่คือ ที่ที่ให้หนูได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ หนูอาจจะต่างจากคนอื่นตรงที่ หนูถนัดเรื่องจัดการ ชอบดูแล ชอบสอน ชอบคุยกับคนอื่นๆ ทุกอย่างนอกจากร้องเต้นคือ ‘สิ่งที่ใช่’ สำหรับหนูหมดเลย”

“แต่ร้องกับเต้น…คือสิ่งที่ยากมาก หนูจับจังหวะไม่ได้ ต้องนับเป็นบีต ต้องจดต้องจำ ต้องซ้อมซ้ำ มันทำให้หนูต้องอยู่กับมันนานมาก แต่นั่นแหละค่ะ มันคือการพัฒนาตัวเองแบบละเอียดสุดๆ และวันนี้หนูรู้สึก ‘แฮปปี้มากๆ’ ที่ได้มาอยู่ที่นี่”

“ถ้าย้อนกลับไป หนูคงเลือกมาสมัคร CGM48 เหมือนเดิม…และดีใจเหมือนเดิมค่ะ”

สำหรับ แชมพู เธอสรุปทุกความรู้สึกด้วยคำสั้นๆ แต่ทรงพลังที่สุดว่า “สำหรับหนู…ที่นี่คือ เซฟโซน ค่ะ”

“มันคือพื้นที่ที่ให้เราได้ลองผิดลองถูก แล้วแก้ไขใหม่อีกครั้ง บนเวทีแรกเราอาจผิด แต่เวทีต่อไป…เราก็จะทำให้มันดีขึ้น”

เธอเล่าอย่างตรงไปตรงมา ถึงการเรียนรู้ชีวิตจากจุดเล็กๆ อย่างการเริ่มซักผ้า ไปจนถึงการจัดการอารมณ์ของตัวเอง

“ที่นี่สอนให้เราโตขึ้น ให้เราอยู่ร่วมกับคนอื่นให้ได้ รู้จักคุมอารมณ์ รู้จักจัดการงาน รู้จักเป็นมืออาชีพต่อหน้ากล้อง CGM48 สอนหนูหลายอย่างมาก…จนรู้สึกว่า ไม่ใช่แค่เราได้เป็นไอดอลของคนอื่น แต่เราได้เป็นไอดอลของตัวเองด้วย”

และปิดท้ายด้วย ลูกเกด กัปตันผู้เดินทางมากับวงจนถึงวันที่ต้องเปลี่ยนผ่าน

“หนูเข้าวงมาตอนที่เรียนจบพอดีเลยค่ะ…เหมือนกับว่า จบจากโรงเรียน แล้วก็มาฝึกงานที่นี่เลย

“CGM48 สำหรับหนู…ไม่ใช่แค่วง ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันคือสถาบันชีวิต ที่นี่สอนทุกอย่าง ตั้งแต่ร้อง เต้น ทำงานกับเพื่อน ทำงานกับทีมหลังบ้าน ไปจนถึงการส่งความสุขให้แฟนคลับ สำคัญคือหนูต้องโตเร็วๆ เพราะหนูแก่สุดในวง (หัวเราะ) ต้องมีวุฒิภาวะ ต้องเป็นที่พึ่งของน้องๆ ต้องฮึบไว้ทั้งที่ข้างในก็เหนื่อยมากเหมือนกัน”

เธอเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนพูดจบด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภูมิใจ

“ที่นี่…มันฝึกให้หนู อยู่กับตัวเอง มากขึ้นจริงๆ แน่นอนว่า หนูก็เหนื่อย…เหนื่อยมากเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่แค่เรา ที่เหนื่อย ทุกคนก็มีภาระ มีหน้าที่ และพยายามทำหน้าที่ของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด”

“เพราะแบบนั้น หนูก็เลยบอกตัวเองว่า เราแค่ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเช่นกัน แค่นั้นเลย”

เธอหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และสุขุมกว่าเคย

“ที่นี่สอนหนูหลายอย่างมากจริงๆ ค่ะ จนตอนนี้รู้สึกว่า…หนูเองก็ได้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้ว ทั้งในแง่ของการทำงาน การมองภาพรวม และการเป็นพี่ที่ต้องพาน้องเดินไปข้างหน้า”

“หนูได้เห็นความพยายามของทุกฝ่าย ทั้งเมมเบอร์ ทีมงาน คนเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ต่างก็ทำให้ที่นี่อยู่รอดต่อไปได้” ทุกคนอยากให้มีคนรุ่นใหม่มาสมัคร อยากให้เด็กผู้หญิงสักคน หันมาเห็นว่าวงนี้ ‘น่าอยู่’ และอยากเป็นส่วนหนึ่งของมันจริงๆ”

เธอส่งยิ้มเล็กๆ ก่อนสรุปอย่างซื่อตรงว่า “หนูรู้สึกว่าที่นี่…มันคือบริษัทที่สอนชีวิต สอนเด็กเล็ก และสอนเด็กโตอย่างหนูไปพร้อมกัน มันเป็นได้ทุกอย่าง ทั้งบ้าน เซฟโซน โรงเรียน และที่ทำงาน หนูมองกลับไปแล้วรู้สึกภูมิใจมากๆ ค่ะ ที่ครั้งหนึ่ง หนูเคยเป็นส่วนหนึ่งของ CGM48 ในแบบที่ยิ่งใหญ่มากๆ”

CGM48 Next Chapter

คุยมาจนถึงตรงนี้…เราลอบมองนาฬิกาอีกครั้ง เข็มเวลาบอกกับเราแบบเป็นนัยว่า ถึงเวลาต้องแยกจากกันตรงนี้แล้วนะ

แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้เอ่ยคำล่ำลา…สมาชิก CGM48 ทั้ง 7 คน ก็ค่อยๆ ยื่นซองจดหมายของตัวเองมาที่เราทีละคน โดยไม่มีคำพูดใด ไม่มีบทบรรยายยืดยาว มีเพียงรอยยิ้มใสซื่อที่ฉายชัดบนใบหน้าของทุกคน

รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความหมาย เหมือนจะบอกกับเราว่า…ทุกคำที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้ มันคือ “ความรู้สึกที่อยากฝากไว้ในใจของใครบางคน”

บางคน…กำลังจะออกเดินทางไปเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต

บางคน…กำลังจะก้าวขึ้นมาดูแลบ้านหลังนี้แทนพี่ๆ

แต่ทุกคน…ล้วนมีบางสิ่งที่อยากบอกกับผู้คนที่เธอรักและส่งใจให้เสมอมา

เราค่อยๆ พลิกซองจดหมายนั้นขึ้นมาดู แต่ละซองมีชื่อของเจ้าของเรียงไว้ด้วยลายมือ พร้อมประโยคสั้นๆ ที่ซ่อนความหมายลึกซึ้งเอาไว้

“ถึงแฟนคลับผู้เป็นที่รัก…”

CGM48 Next Chapter

Kaning:ขอบคุณมากๆ สำหรับช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ที่ตรงนี้…เราขาดกันไม่ได้จริงๆ

รู้สึกว่าแฟนคลับทำอะไรให้เราหลายอย่างมาก และเขาก็มักจะพูดว่า เราก็ทำอะไรให้เขาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการได้แสดง หรือเป็นกำลังใจเล็กๆ ที่ส่งถึงกัน มันทำให้เขามีความสุข และเราก็ดีใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสุขนั้น

หกปีที่ผ่านมา มันไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป แต่มันอบอุ่นมากที่เราอยู่ร่วมกันจนถึงวันนี้

สุดท้ายนี้…อยากฝากถึงเพื่อนๆ ทุกคน และรุ่นต่อๆ ไป ถ้าเมื่อไรรู้สึกหมดกำลังใจ หรือไม่มีความสุข ก็อยากให้ลองมองกลับมาที่ตัวเอง น้องๆ ก็สามารถมอบความสุขให้คนอื่นได้นะ ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ ล้วนตั้งใจอยากส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้แฟนคลับเสมอ สู้ๆ นะ ✌️

Nenie:ต้องขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ติดตามกันตั้งแต่แรก เข้ามาระหว่างทาง หรือเพิ่งรู้จักกันไม่นาน

ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตหนู และมอบโอกาสดีๆ หลายอย่าง จนทำให้หนูเป็น “หนู” ในวันนี้ ดีใจที่ได้รู้จักทุกคนจริงๆ ถ้าไม่ได้มาอยู่ CGM48 หนูก็คงไม่มีทางได้รู้จักแฟนคลับที่น่ารักขนาดนี้เลย

หลังจากนี้ หนูคงเหนื่อยน้อยลงบ้าง เพราะจบการศึกษาแล้ว แต่ก็หวังว่าจะยังได้เป็นความสุขให้ทุกคนอยู่ ถึงจะไม่ได้อยู่บนเวทีแล้ว หนูก็ยังอยากให้ทุกคนได้เจอกันบ้าง ผ่านโซเชียล หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ตั้งใจหามาเพื่อให้ได้พบกัน

จริงๆ ก็ยังอยากคีปแฟนคลับของหนูอยู่นะคะ อยากให้ทุกคนอยู่กันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใครอยากติดตามน้องๆ ต่อ ก็ฝาก CGM48 ไว้ด้วยนะคะ หนูเชื่อว่าน้องๆ ทุกคนก็มอบความสุขให้ได้ไม่แพ้กันเลย

สุดท้ายนี้…ขอบคุณสำหรับระยะเวลา 6 ปี ที่มีความหมายกับหนูมากๆ รักทุกคนนะ 🫰

Champoo:อย่างแรกเลย หนูต้องขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยซัพพอร์ต คอยน่ารัก และใจดีกับหนูมาโดยตลอด และดีใจมากที่ทุกๆ ความฝันของหนูมีทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม หนูรู้สึกว่าทุกช่วงเวลามีค่ามากจริงๆ แม้มันจะมีบางอย่างที่ไม่เป็นดังหวัง แต่แค่ได้ลงมือทำ หนูก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย

ขอบคุณที่คอยส่งพลังดีๆ มาให้กันเสมอ โดยเฉพาะในวันที่หนูอาจไม่ได้มีความสุขเท่าไร แต่ก็ได้รับความใจฟูจากทุกคนเสมอ

บางคนอาจชอบพาร์ตที่หนูเป็นไอดอล…ถึงแม้จากนี้จะไม่ได้ร้องหรือเต้นอยู่บนเวทีแล้ว แต่หนูก็ยังอยากเป็นพลังงานความสุขให้ทุกคนนะคะ ถ้าใครยังอยากดูไอดอลแบบเต็มๆ ก็ฝากน้องๆ ของหนูด้วย หนูเชื่อว่าน้องๆ ทุกคนจะมอบความสุขให้ทุกคนได้เหมือนกัน เพราะวัฒนธรรมของเรามันส่งต่อกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานจับมือ ไฮทัช หรือ roadshow ที่เราได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด

หวังว่าหนูจะยังเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ หรือความสุขเล็กๆ ให้กับใครบางคนได้นะคะ เวลามีใครบอกว่า “หนูคือความสุขของเขาในช่วงเวลาหนึ่ง” หนูจะรู้สึกเลยว่า ช่วงเวลานี้มันมีค่า มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว และหนูก็หวังว่าทุกคนจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดี

หนูแอบรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ช่วงเวลาพาร์ตไอดอลของหนูกำลังจะจบลง แต่ไม่เคยเสียใจเลย ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เป็นไอดอล ได้เป็นความสุขของใครบางคน หรือได้เป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคน

ขอบคุณที่อยู่กับหนูมาตลอด และหนูรัก CGM48 มากๆ หวังว่าทุกคนจะรัก CGM เหมือนที่หนูรักเช่นกันนะคะ ฝากทั้งตัวหนู และน้องๆ CGM48 ด้วยค่ะ 💚

CGM48 Next Chapter

Lookked:แน่นอนว่าหนูต้องขอบคุณทุกๆ คนเลยค่ะ บางคนอยู่กับหนูมาตั้งแต่วันแรก บางคนอาจจะเพิ่งเข้ามาในช่วงหลังๆ ไม่ว่าจะรู้จักกันจากงานไหน หรือโดนตกจากโปรเจกต์ไหน หนูก็อยากจะขอบคุณที่ติดตามกันและให้โอกาสกันเสมอมา

หนูเคยคิดเหมือนกันนะว่า…หรือเราจะ “แก่เกินไป” แล้วสำหรับการเป็นที่สนใจ? แต่แฟนคลับหลายๆ คนก็พิสูจน์ให้หนูเห็นว่ามันไม่จริงเลย ทุกคนยังมอบพลังบวกให้หนูเสมอ ไม่ว่าจะติดตามกันมานานแค่ไหน แค่มีบางอย่างที่ตรงใจกัน เราก็ได้มาเจอกัน มาชอบกัน และได้ร่วมเดินทางด้วยกัน

ขอบคุณที่อยู่กับหนูตั้งแต่วันที่ยังไม่มีอะไรเลย ขอบคุณที่มอบโอกาสให้หนูมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้เดินทางไปญี่ปุ่น หรือการได้ร่วมโปรเจกต์ต่างๆ ที่มีความหมายมากๆ สำหรับหนู

กระทั่งวันที่ได้เป็นกัปตัน หนูรู้ว่าตัวเองอาจจะเครียดเยอะมาก และก็อาจส่งพลังแบบนั้นออกไปบ้าง แต่พวกคุณก็ยังอยู่ตรงนั้น เป็นเซฟโซนให้หนูเสมอ ทั้งในไลฟ์ ทั้งในทุกช่วงเวลา ขอบคุณที่เข้าใจ และคอยบอกว่า “ไม่เป็นไรนะลูกเกด พักบ้างก็ได้” มันเป็นประโยคที่เรียบง่าย แต่สำหรับหนูแล้วมีค่ามาก

นอกจากเพื่อนๆ ในวง หนูก็ดีใจมากที่ยังมีแฟนคลับที่คอยห่วงใย อยากให้หนูมีความสุข สดใสเหมือนวันแรกที่รู้จักกัน หนูอยากจะบอกว่า…ขอบคุณจริงๆ ที่เดินไปด้วยกันบนเส้นทางที่ทั้งเหนื่อยและยากแบบนี้

จากนี้ไป หนูสัญญาว่าจะพยายามเติบโตขึ้น จะไม่ทำให้ทุกคนต้องกังวลหรือเครียดไปมากกว่านี้แล้วนะคะ หนูจะพยายามเป็นลูกเกดที่สดใส เป็นความสบายใจให้กับทุกคนเหมือนที่ทุกคนเป็นให้กับหนู

อยู่ด้วยกันไปจนสุดทางเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ✨💚

CGM48 Next Chapter

Prae:อยากจะขอบคุณแฟนคลับทุกๆ คนเลยค่ะ ที่คอยติดตาม CGM48 มาตลอด ไม่ว่าจะผ่านช่วงเวลาไหนก็ตาม

อยากจะบอกว่า… “ก้าวต่อไปของ CGM48 ก็ยังคงเป็นภาพของ CGM48” เหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่มีรุ่นพี่รุ่นหนึ่งอยู่ด้วยกันแล้ว แต่หนูเชื่อว่าวงของเราจะยังคงเดินหน้า และเติบโตในแบบของเรา

ยุคใหม่ของ CGM48 อาจเป็นยุคที่ต่างออกไป แต่จะเป็นยุคที่แข็งแกร่งขึ้น สดใสมากขึ้น และพร้อมจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า Performance ที่ทุกคนคิดถึง จะกลับมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ แบบกระดูกเดียวกันแน่นอนค่ะ

หนูอยากขอบคุณแฟนคลับทุกคน รวมถึงแฟนคลับของหนูด้วยนะคะ หนูเป็นคนที่ออกจะ introvert นิดนึง แต่อาจจะพูดเยอะไปบ้าง 😂

บอกตรงๆ ว่าหนูไม่ใช่คนที่เก่งตั้งแต่แรก เริ่มจากศูนย์เลยก็ว่าได้ แต่ก็พยายามมาตลอด และก็ขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนยังอยู่ตรงนี้ ช่วยดูพัฒนาการของหนู คอยซัพพอร์ตกันเสมอ

ไม่นานมานี้ หนูก็ได้รับข่าวดีเกี่ยวกับก้าวต่อไปของตัวเอง (รองกัปตันทีม C) และหนูสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนา จะเดินหน้าต่อ เพื่อให้ถึงจุดที่หนูใฝ่ฝันไว้ตั้งแต่วันแรก นั่นคือการ ‘เติบโตขึ้นเรื่อยๆ’

วันนี้หนูก็ได้โตขึ้นอีกหนึ่งขั้นแล้ว ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ เสมอ และฝากด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนูเอง รุ่นพี่ทุกคนที่กำลังจะเดินสู่เส้นทางใหม่ หรือ CGM48 ที่จะยังคงเติบโตต่อไปด้วยกัน ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ 🙇🏻‍♀️

Nisha:ช่วงนี้หนูก็เริ่มมีแฟนคลับแล้วค่ะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ให้ความสนใจ ทั้งในตัวหนูและเพื่อนๆ ของหนูด้วย ดีใจจริงๆ ที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ

สำหรับหลายๆ คนที่อาจจะยังไม่รู้จัก หรืออาจจะยังปิดใจอยู่ หนูก็อยากชวนให้ลองเปิดใจให้พวกเราดูนะคะ

หนูเชื่อว่าบางที…เราอาจจะไม่ได้เป็น ‘สเปก’ ของทุกคนตั้งแต่แรกเห็น แต่ถ้าได้คอยติดตาม คอยมองพวกเราบ้าง แค่ห่างๆ ก็ยังดี หนูก็หวังว่าสักวันหนึ่ง พี่ๆ จะชอบหนู…ในแบบที่หนูเป็นหนู และจะชอบเพื่อนๆ ของหนูด้วยเหมือนกันค่ะ 💚

Nana: อย่างแรกเลย หนูอยากขอบคุณแฟนคลับของหนูก่อนค่ะ ที่มองเห็นบางอย่างในตัวหนู ทั้งที่ตอนเริ่มต้น…หนูแทบจะเริ่มจากติดลบ เต้นก็ไม่เป็น ร้องก็เพี้ยน จังหวะก็ผิด 😅 แต่ทุกคนก็ยังเลือกที่จะเชื่อมั่นและภูมิใจในตัวหนูเสมอ

หนูอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด ไม่ได้เทียบเท่าพี่ๆ หรือน้องๆ คนอื่นๆ แต่สิ่งที่หนูมีคือ ‘ความพยายาม’ ที่อยากจะทำให้ได้ และอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

บางครั้งเวลามีงานที่ต้องโหวต หนูก็แอบรู้สึกกดดันแฟนคลับของตัวเอง เพราะไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยเกินไป หนูเลยตั้งใจทำงานเต็มที่ในทุกโอกาส เพื่อให้มีคนข้างนอกเข้ามาเป็นแฟนคลับเพิ่มขึ้น จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแฟนคลับที่อยู่กับหนูมาตลอดค่ะ

และหนูก็อยากขอบคุณแฟนคลับ CGM48 ทุกคนด้วย ไม่ว่าจะตามมาตั้งแต่รุ่น 1 รุ่น 2 หรือเพิ่งเข้ามาในรุ่นหลังๆ ทุกกำลังใจมีค่ามากจริงๆ สำหรับพวกเรา

หนูรู้ว่าบางคนอาจลังเล…ว่าจะตามต่อดีไหม ก็อยากให้ใจเย็นๆ 😄 แล้วลองติดตามพวกเราต่อไปก่อนนะคะ เพราะตอนนี้ หนูก็เริ่มกลายเป็นรุ่นพี่แล้ว มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น และอยากใช้มันเพื่อเสนอสิ่งดีๆ เพื่อทำให้วงของเราดีขึ้นจริงๆ

สุดท้ายนี้…ใครที่คิดจะไป หนูก็อยากดึงกลับมาเชียงใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ได้เห็นว่า CGM48 ยังคงเป็นบ้านที่อบอุ่น และเป็นที่ที่พวกเราทุกคนทุ่มเทเพื่อแฟนคลับ

บทส่งท้าย

Picture Moment: “สถานีสุดท้าย…Minato 39” CGM48 1st Generation Concert

และเมื่อบทสนทนาทั้งหมดได้ปิดฉากลงอย่างงดงาม…

สิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าคือ ภาพสุดท้าย ที่จะกลายเป็นความทรงจำร่วมกันของทุกคน

คอนเสิร์ต “สถานีสุดท้าย…Minato 39” คือบทสรุปที่เปี่ยมด้วยอารมณ์พิเศษสำหรับ CGM48 รุ่นที่ 1

ไม่ใช่เพียงโชว์ส่งท้ายของสมาชิก แต่เป็นเหมือนสมุดบันทึกเล่มใหญ่ ที่รวมทุกเสียงหัวเราะ น้ำตา และรอยยิ้มตลอด 6 ปีเอาไว้ในเวทีเดียว

ทุกเพลงที่ดังขึ้น…เหมือนการพลิกหน้าสมุดภาพ

ทุกท่าทางบนเวที…เหมือนการส่งข้อความบอกลาผ่านสายตา

และทุกเสียงเชียร์จากแฟนคลับ…คือคำตอบที่ยืนยันว่า บ้านหลังนี้ที่ชื่อว่า CGM48 งดงามและอบอุ่นเพียงใด

“สถานีสุดท้าย” อาจเป็นการจบการเดินทางของรุ่นหนึ่ง

แต่ไม่ใช่การจบของเส้นทาง CGM48 เพราะหลังม่านลง…ยังมีใครอีกหลายคนที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาสานต่อร่องรอยแห่งฝันนี้ต่อไป

CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
CGM48 Next Chapter
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

Donald Trump สร้างความประหลาดใจด้วยการอวยพรการหมั้นของ Taylor Swift

32 นาทีที่แล้ว

ดีเอสไอ เตรียมใช้มาตรการทางกฎหมายกับพยาน 1,200 คนที่ไม่ให้ความร่วมมือคดีฮั้ว สว. เร่งสรุปสำนวนคดีฟอกเงินเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา

36 นาทีที่แล้ว

เรื่องเล่าจาก ‘บุรามาลี’ ร้านอาหารในโรงน้ำชา เมืองแห่งดอกไม้ของ ‘ปลา i-berry’ ที่รสชาติไทยแท้คือหัวใจสำคัญที่สุด

40 นาทีที่แล้ว

ไนท์แฟรงค์ฯ เปิดข้อมูลตลาดคอนโดมิเนียม Q2/68 ชะลอตัวต่อเนื่อง มีโครงการเปิดใหม่แค่ 2 โครงการ เหตุผู้ประกอบการระวังการลงทุน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เปิด 3 ข้อสันนิษฐาน ทำไม “ท่าเตียน” บนถนนมหาราช ย่านพระนคร ถึงชื่อนี้

ศิลปวัฒนธรรม

Rainy Day Must-Haves! รวมไอเทมกันฝนแบรนด์ไทย ที่สายแฟต้องมี

Beauty Hunter

ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ เผยข่าวดี น.ร.ไม่ถูกส่งกลับแล้ว ยันได้อยู่ไทย เรียนหนังสือต่อ

MATICHON ONLINE

Donald Trump สร้างความประหลาดใจด้วยการอวยพรการหมั้นของ Taylor Swift

THE STANDARD

ดีเอ็นเอคนไทยภาคกลาง พบเชื่อมโยง 4 กลุ่ม ไท-กะได อินเดีย มอญ เขมร

ศิลปวัฒนธรรม

รู้จัก ภาษีเตียงอาบแดด ค่าปรับแพงหูฉี่บทลงโทษนักท่องเที่ยวสายจองในสเปน

Amarin TV

ภาพยนตร์แอคชันฟอร์มยักษ์ “Thunderbolts* (ธันเดอร์โบลต์ส*)” สตรีมได้แล้วบน Disney+ Hotstar

Insight Daily

สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณกำลังเข้าสู่ช่วง "เริ่มแก่"

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

DICE เปิดตัวซิงเกิลใหม่ BILLIONAIRE ก่อนปล่อยอัลบั้มชุดแรก POSSIBILITIES 1 ก.ย. นี้

THE STANDARD

บทเรียน Soft Power ญี่ปุ่น: เมื่อวัฒนธรรมสร้างชาติ และสิ่งที่ไทยควรนำไปต่อยอด

THE STANDARD

GenAI Divide เส้นแบ่งที่ชี้ชะตา ว่าองค์กรคุณใช้ AI แค่ตามเทรนด์ หรือเปลี่ยนธุรกิจได้จริง

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...