เปิดตู้ดูใบปริญญาอีกที หนุ่มช็อก 4 ปีที่เรียนมา กลายเป็น "กระดาษเปล่า" เฉลยพลาดเอง!
หวังระลึกความหลัง จะหยิบ "ใบปริญญา" ออกมาจากตู้ หนุ่มช็อก! 4 ปีที่เรียนมา กลายเป็น "กระดาษเปล่า"
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวเน็ตจีนในมณฑลกวางตุ้ง ได้แชร์ภาพใบปริญญาบัตรของตัวเองที่กลายเป็น "กระดาษเปล่า" สร้างความตกตะลึง และกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์จีนทันที โดยในภาพแสดงให้เห็นใบปริญญาที่ไม่มีแม้แต่ชื่อผู้จบการศึกษา, ชื่อมหาวิทยาลัย, ปีการศึกษา หรือแม้แต่มาตรตรารับรอง เหลือเพียงรอยหมึกจางๆ ที่แทบมองไม่เห็นอะไรเลย
เจ้าของโพสต์ระบุว่า เนื่องจากภูมิอากาศในกวางตุ้งมีความชื้นสูงตลอดทั้งปี ประกอบกับการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ทำให้ใบปริญญาบัตรถูกความชื้น "กัดกิน" จนหมึกพิมพ์เลือนหายกลายเป็นเพียงแผ่นกระดาษธรรมดา เมื่อเปิดตู้ดูอีกครั้งในวันที่อากาศแจ่มใส เขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่เคยเป็นความภาคภูมิใจของความมุ่งมั่นเรียนตลอด 4 ปี กลับกลายเป็นเพียงหน้ากระดาษขาว…
เหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลจีนอย่างรวดเร็ว หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นใจและแซวกันอย่างขำขัน บางรายเปรียบเทียบกับฉากในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง “ไซอิ๋ว” ตอนที่พระถังซำจั๋งและลูกศิษย์ฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อไปนำคัมภีร์กลับมา แต่เมื่อเปิดออกกลับพบว่าเป็นเพียง "กระดาษเปล่า" เช่นเดียวกับชาวเน็ตรายหนึ่งที่คอมเมนต์ว่า “ผมก็เรียนหนักเหมือนไปอัญเชิญพระไตรปิฎก แต่สุดท้ายได้มาแค่… คัมภีร์เปล่า”
ยังมีความคิดเห็นเสียดสีอย่างขำขันอีกมาก เช่น “นี่คงเป็นใบปริญญารุ่นตำนาน ใครจะเชื่อว่าคุณเรียนจบหรือไม่ คงต้องใช้คำบอกเล่าแทนหลักฐาน” หรือ “ไม่ต้องจ้างร้านลบข้อมูลบนใบปริญญา เพราะใบนี้ลบตัวเองแล้วอย่างสมบูรณ์”
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงหัวเราะยังคงมีบทเรียนสำคัญว่า การเก็บรักษาเอกสารสำคัญในสภาพแวดล้อมที่ชื้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงได้ สำหรับเจ้าของใบปริญญา “ขาวโพลน” คนนี้ คงได้บทเรียนล้ำค่าไปตลอดชีวิต เพราะในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว การรักษา "หลักฐานความสำเร็จ" ให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติ ก็อาจเป็นความท้าทายไม่แพ้การเรียนให้จบเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรเก็บใบปริญญาบัตรและเอกสารสำคัญต่างๆ ไว้ในถุงพลาสติกชนิดป้องกันความชื้น และจัดเก็บไว้ในที่แห้ง โปร่ง อากาศถ่ายเท หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง รวมถึงหลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในตู้ไม้ที่อาจเก็บความชื้นได้ในระยะยาว นอกจากนี้ หลายมหาวิทยาลัยยังเริ่มให้บริการใบปริญญาแบบดิจิทัลที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือชำรุด