แม่ป่วยมะเร็งบังคับลูกสาว 4 ขวบ เรียนทำอาหาร 17 ปีผ่านไป ชีวิตเด็กเป็นอย่างไร?
แม่ป่วยมะเร็งบังคับลูกสาววัย 4 ขวบนั่งเรียนทำอาหาร 17 ปีผ่านไป ชีวิตของเด็กคนนี้เป็นอย่างไร?
เมื่อกว่า 10 ปีก่อน เรื่องราวของเด็กหญิงชาวญี่ปุ่นวัยเพียง 4 ขวบคนหนึ่งเคยสร้างความซาบซึ้งให้ผู้คนทั่วโลกออนไลน์ เมื่อแม่ของเธอ “บังคับ” ให้เธอเรียนรู้การทำอาหารตั้งแต่ยังเล็ก เรื่องนี้ทำให้หลายคนเสียน้ำตา
ในเช้าตรู่ของแต่ละวัน ขณะที่เด็กคนอื่นในวัยเดียวกันยังนอนอยู่บนเตียงและอ้อนแม่ เด็กหญิงร่างเล็กชื่อ “ฮานะ” ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น กลับยืนอยู่หน้าเตา เตรียมวัตถุดิบเพื่อทำ “ซุปมิโสะ” ให้อร่อยและมีประโยชน์ที่สุด นั่นคือคำสัญญาที่เธอให้ไว้กับแม่ของเธอ
คุณแม่ของฮานะชื่อ “จิเอะ” ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ในช่วงสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่เธอตั้งใจจะทำให้สำเร็จที่สุด คือการสอนลูกสาววัย 4 ขวบของเธอให้รู้จักดูแลตัวเอง ฝึกฝนทักษะชีวิต เพื่อจะได้เข้มแข็งและอยู่ได้แม้ไม่มีแม่อยู่ข้าง ๆ
ด้วยความเชื่อที่เรียบง่ายของเธอ “เด็กที่ทำอาหารเป็น ต่อให้ต้องไปอยู่ที่ไหน ก็สามารถมีชีวิตรอดได้”
1 ปีหลังจากนั้น จิเอะจากโลกนี้ไป และคำสอนที่ดูธรรมดา “กินอย่างตั้งใจ ทำอาหารอย่างใส่ใจ” ก็กลายเป็นมรดกแห่งความรักอันล้ำค่าที่แม่ทิ้งไว้ให้ลูก
17 ปีผ่านไป เด็กหญิงตัวน้อยในวันนั้นกลายเป็นหญิงสาววัย 22 ปี ผู้เปี่ยมเสน่ห์และเต็มไปด้วยความรักในอาหาร ฮานะสำเร็จการศึกษาด้านโภชนาการและอาหารจากมหาวิทยาลัย และปัจจุบันทำงานในแวดวงอาหาร เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนยังมีแม่อยู่ใกล้ ๆ
“ทุกครั้งที่ฉันต้มน้ำซุปมิโสะ ฉันรู้สึกเหมือนแม่ยังยืนอยู่ข้างฉัน” ฮานะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เพราะความรัก ก่อเกิดเป็นพลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
เรื่องราวอันแสนเศร้านี้ เริ่มต้นจากความรักอันแสนงดงาม
จิเอะ เป็นหญิงสาวผู้เรียนด้านขับร้องเพลงเสียงใส อ่อนโยนและเปี่ยมเสน่ห์ ส่วน “ชินโงะ” สามีของเธอ เป็นนักข่าวหนุ่มผู้ใจดี อบอุ่น ทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้ง และเคยใฝ่ฝันถึงวันวิวาห์ที่เสียงระฆังโบสถ์จะดังขึ้นในช่วงพิธี
แต่แล้วก่อนถึงวันแต่งงานไม่นาน ในวัยเพียง 25 ปี จิเอะก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม และจำเป็นต้องผ่าตัดเต้านมด้านซ้ายออกทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ชินโกะไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย เขายังคงเลือกจะเดินเคียงข้างคนรัก เขาจับมือจิเอะแล้วพูดว่า
“ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร เราไปแคนาดากันนะ ที่นั่นสวยมากเลย พอได้เห็นเทือกเขาร็อกกี้อันยิ่งใหญ่แล้ว เรื่องพวกนี้จะดูเล็กนิดเดียว แต่ก่อนอื่น เราแต่งงานกันเถอะ”
ความรักของพวกเขาอาจไม่หวือหวา แต่มันจริงใจและมั่นคงเพียงพอที่จะเป็นแรงพยุงให้จิเอะมีพลังเผชิญหน้ากับความตาย
เธอสู้กับโรคร้ายอย่างกล้าหาญ และตอบสนองต่อการรักษาได้ดี จนในปี 2001 อาการของเธอเริ่มคงที่ ทว่า ผลข้างเคียงจากยา ทำให้แพทย์แจ้งว่าโอกาสในการตั้งครรภ์ของเธอแทบเป็นไปไม่ได้
แต่ชีวิตก็เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ วันหนึ่งจิเอะกลับตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิด ความยินดีปนกับความกังวล เพราะการตั้งครรภ์จะทำให้ระดับฮอร์โมนหญิงในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งกลับมาอีกครั้ง
กระนั้นชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังเติบโตในครรภ์ของเธอ กลับทำให้จิเอะมีพลังใจมหาศาล
ในปี 2003 เธอให้กำเนิดลูกสาวน้อยแสนสวย นุ่มนิ่มดุจกลีบดอกไม้ และตั้งชื่อเธอว่า "ฮานะ" ที่แปลว่า “ดอกไม้” ด้วยความหวังว่า ลูกคนนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นที่รักของทุกคน สมชื่อ
“การได้พบลูก คือหลักฐานที่ยืนยันว่าฉันเคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เด็กคนนี้มีค่ามากกว่าชีวิตของฉันเอง เธอคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตฉัน” จิเอะกล่าวอย่างอ่อนโยน
เมื่อเห็นสามีน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปีติในวันที่ลูกสาวลืมตาดูโลก จิเอะเชื่อมั่นว่า ความสุขที่เธอเคยเฝ้าฝัน อยู่แค่เอื้อมแล้ว
ตลอดช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์และเลี้ยงลูกจนถึงวัย 8 เดือน สุขภาพของจิเอะยังคงดี ทั้งสองเชื่อว่า ฮานะคือของขวัญแห่งความหวังที่พระเจ้าประทานมาให้พวกเขา
ต้องการมีชีวิตที่ดี ก็ต้องกินอาหารดี และถ้าจะกินอาหารดี ก็ต้องเรียนรู้การทำอาหารอย่างตั้งใจ
แต่เมื่อชีวิตดูเหมือนจะสมบูรณ์สุข กลับต้องเผชิญกับคลื่นลมพายุอีกครั้ง เมื่อฮานะอายุได้เพียง 9 เดือน มะเร็งก็กลับมาโจมตีจิเอะอย่างรุนแรง คราวนี้มะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย จนเธอแทบไม่มีแรงจะอุ้มลูก
เธอร้องไห้ขอโทษลูกสาวด้วยน้ำตา “แม่ขอโทษนะ แม่ป่วยแล้ว ปวดมาก ไม่สามารถอุ้มหนูได้อีกแล้ว…”
เด็กหญิงฮานะเหมือนจะเข้าใจคำพูดของแม่ ตั้งแต่นั้นมาเธอไม่ร้องขอให้แม่อุ้มอีกเลย
เมื่อเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง “จากลูกสาวไป” จิเอะจึงเริ่มคิดว่า “จะทำอย่างไรให้ลูกสาวอยู่ได้อย่างดีแม้ไม่มีแม่?”
ระหว่างรับการรักษา เธอดูแลตัวเองด้วยการกินอาหารสุขภาพ เน้นข้าวกล้องและซุปมิโสะ เพื่อเสริมภูมิต้านทาน
และนั่นทำให้เธอมีคำตัดสินใจที่เด็ดขาด “เพราะอาหารคือกุญแจแห่งชีวิต ฉันต้องสอนลูกทำอาหารและงานบ้าน แม้ฉันจะไม่อยู่ข้างเธอ ขอแค่ลูกแข็งแรง รู้จักดูแลตัวเอง ก็จะอยู่ได้ทุกที่”
ในวันเกิดครบ 4 ขวบของฮานะ ปี 2007 แม่มอบผ้ากันเปื้อนลายทางตัวจิ๋วให้ ส่วนพ่อมอบชุดมีดครัวขนาดเล็ก
ครั้งแรกที่เห็นลูกถือมีด จิเอะรู้สึกใจหายแต่พยายามไม่เข้าไปช่วย เพื่อให้ลูกได้ฝึกความเป็นอิสระ
เมื่อฮานะทำอาหารพลาดบ้าง จิเอะไม่ได้ตำหนิ แต่ค่อย ๆ หาสาเหตุและให้กำลังใจให้ลูกลองใหม่หลาย ๆ ครั้ง เพราะเธอรู้ดีว่า การสอนเด็กทำสิ่งใด สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ควรเข้าไปควบคุม ให้เด็กได้คิด รู้สึก และลงมือทำด้วยตัวเอง
จิเอะเริ่มสอนลูกทำเมนูง่ายที่สุด นั่นคือซุปมิโสะ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงบีบมิโสะ หั่นเต้าหู้ ขูดปลาแห้ง ฮานะต้องปีนขึ้นเก้าอี้เพื่อเอื้อมถึงเตา แต่ด้วยความอดทนของแม่ เธอสามารถทำซุปมิโสะได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งแม่และลูกได้ทำสัญญาร่วมกันว่า “จากนี้ไป ซุปมิโสะในบ้านเป็นฝีมือของฮานะนะ”
ตั้งแต่นั้นมา การตักซุปมิโสะทุกวันกลายเป็นภารกิจสำคัญของเด็กหญิงวัย 4 ขวบ
“ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว ถ้าหนูป่วย พ่อแม่จะเสียใจมาก ดังนั้นหนูต้องกินอาหารดี ๆ อยากกินอาหารดี ๆ ก็ต้องรู้จักทำอาหารดี ๆ ไม่ว่าจะทำอาหารหรือกินข้าว ก็ต้องทำอย่างตั้งใจ”
แม้จะยังเล็ก ฮานะก็เข้าใจสิ่งพื้นฐานนี้ดีว่า “ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี ก็ต้องกินอาหารที่ดีเป็นอันดับแรก”
หลังจากนั้น แม่ก็สอนให้เธอทำงานบ้านอย่างเหมาะสม เช่น ซักผ้า ตากผ้า และดูดฝุ่น
“ฉันไม่มีเงิน ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ฉันทำได้แค่สอนลูกให้ทำอาหาร ทำงานบ้าน และใช้ชีวิตอย่างดีในทุก ๆ วัน เพื่อให้แม้ต้องอยู่คนเดียว ลูกก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างดี”
ชีวิตของตัวเอง เราต้องรู้จักปกป้องตัวเอง
จิเอะไม่อาจยืดชีวิตตนเองได้ จึงเลือกที่จะสอนลูกให้พร้อมก่อนเวลาที่ต้องจากไป
เมื่อเห็นลูกสาวทำอาหารได้อย่างชำนาญ เธอก็วางใจและจากไปอย่างสงบ ในปี 2008 เมื่อฮานะอายุครบ 5 ขวบ จิเอะเสียชีวิตในวัย 33 ปี
เสียงระฆังโบสถ์ดังขึ้นครั้งสุดท้าย ส่งเธอเข้าสู่สู่สวรรค์ เมื่อตอนเสียงระฆังแต่งงานดังขึ้น เธอรู้สึกโชคดีที่ได้พบสามีที่รัก และเมื่อเสียงระฆังจากลาดังขึ้น เธอก็จากไปอย่างไร้ความเสียใจ เพราะมีฮานะอยู่เคียงข้าง
หลังแม่จากไป ฮานะยังคงรักษานิสัยทำซุปมิโสะกินเองในทุกเช้า “ทุกเช้าหนูกินข้าวกล้องกับซุปมิโสะ หนูจะไม่เป็นหวัด ไม่เจ็บป่วย ชีวิตของหนู หนูจะปกป้องเอง นั่นคือคำสัญญาของหนูกับแม่”
ชีวิตที่ไม่มีแม่ แต่ฮานะยังจัดระเบียบชีวิตได้อย่างเรียบร้อยและพึ่งพาตัวเองได้ดี
- ตื่นตี 5 เพื่อทำอาหาร
- พาสุนัขไปเดินเล่น
- ฝึกเล่นเปียโน
- ไปโรงเรียนเอง ทำงานบ้านเอง แล้วเตรียมอาหารเย็น
เมื่อพ่อทำงานล่วงเวลากลับดึก ฮานะก็ไม่ลืมเตรียมอาหารเย็นให้พ่อ พร้อมแนบกระดาษโน้ตเล็ก ๆ น่ารักว่า “พ่ออย่าลืมอ่านก่อนกินนะ! นี่คือข้าวของพ่อ ฮานะทำให้พ่อเอง”
การดูแลตัวเอง และดูแลพ่อไปด้วย คือคำสอนที่แม่ฝากไว้ให้เธอเสมอมา
เมื่อขึ้นชั้นประถมปีที่ 4 ฮานะที่มีประสบการณ์เข้าครัวมาแล้ว 6 ปี กลายเป็น “ดาวเด่นมื้อกลางวัน” ของโรงเรียน กล่องข้าวที่เธอทำเองได้รับคำชมว่า “มีรสชาติของแม่”
ในสมุดบันทึก ฮานะเขียนถึงแม่ว่า “แม่คะ หนูทำอาหารกล่องได้ทุกอย่างแล้วนะ แม่จะแปลกใจไหม? เมนูเด็ดของหนูคือแกงกะหรี่ไก่กับหมูผัดมันฝรั่งค่ะ”
เธอยังไม่ลืมเล่าเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ว่า “แม้จะเจอเรื่องน่าหงุดหงิด ลำบาก หรือเหนื่อยล้า ก็ต้องหาทางแก้ไข แม่มักพูดว่า "ลองเปลี่ยนมุมมองดู" แม้จะยาก แต่หนูจะพยายามนะ หนูจะไม่ร้องไห้แล้วค่ะ”
แม้ครั้งหนึ่งเคยนั่งน้ำตาซึมมองรูปแม่และถามว่า “ทำไมแม่ถึงต้องจากหนูไป? ทำไมแม่ทิ้งหนูไว้ลำพัง?” แต่ฮานะไม่เคยลืมคำสอนของแม่ที่ว่า “อย่าพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับผู้อื่น และอย่าลืมยิ้ม”
เด็กหญิงตัวน้อยใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบ กินอาหารอย่างระมัดระวัง เติบโตขึ้นด้วยความเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
ความหมายแท้จริงของการสืบสาน
หลายปีที่ผ่านมา ชิงโกะ พ่อของฮานะ ยังคงรักษาและดูแลบล็อกของแม่อย่างต่อเนื่อง
ในปี 2012 พ่อและลูกสาวได้รวบรวมและเรียบเรียงบล็อกของชิเกะเป็นหนังสือชื่อว่า "มิโซะซุปของฮานะจัง" (Hana's Miso Soup)
เขากล่าวว่า “เขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อเก็บรักษาความทรงจำ และเพื่อให้ฮานะจดจำว่าแม่เคยใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งและจากไปอย่างกล้าหาญ”
ในปี 2015 หนังสือเล่มนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน ทำให้หลายคนซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตา ตอนฉายหนัง ฮานะอายุ 12 ปี เมื่อได้ดูฉากที่แสดงเรื่องราว “แม่กับหนู” บนจอ เธอร้องไห้และพูดว่า “หนูคิดถึงแม่มาก…”
หลังจากเข้ามหาวิทยาลัย ฮานะเลือกเรียนสาขาอาหาร เธอยังคงสดใส ร่าเริง เหมือนแม่ และจดจำคำสอนของแม่เสมอว่า “อาหารคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต”
เวลาทำอาหาร ฮานะยึดหลักของแม่อย่างเคร่งครัด คือไม่ขัดสีวัตถุดิบ ไม่ปอกผักผลไม้ และไม่ทิ้งใบส่วนที่กินได้ โดยพยายามใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าที่สุด แม้จะอยู่หอพัก ทุกครั้งที่กลับบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือเข้าครัวต้มซุปมิโสะ แล้วนั่งกินข้าวกับพ่อท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นของยามเย็น สำหรับฮานะ นั่นคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน ขอเพียงกินอาหารอย่างมีคุณภาพ ดูแลร่างกายอย่างดี ก็จะมีแรงเผชิญกับชีวิตได้” นักศึกษาสาวเชื่อเช่นนั้น
ผ่านไป 22 ปี แม้แม่จะอยู่กับฮานะเพียง 5 ปีที่สั้นนิดเดียว แต่ชิเกะได้ทิ้งมรดกแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง ความดีงาม และความตั้งใจให้กับลูกสาว เมื่อเทียบกับเงินทองหรือทรัพย์สิน คำสอนง่าย ๆ เช่น การมีชีวิตที่ดีและกินอาหารอย่างมีสติ กลับเป็นความหมายแท้จริงของการสืบสานชีวิต
“กินอย่างมีคุณภาพ ทำอาหารอย่างใส่ใจ” นั่นคือรสชาติที่เข้มข้นที่สุดใน “ชามซุปมิโสะของฮานะ”