โรงรับจำนำโตแรง ดีมานด์พุ่งรับเปิดเทอม ยอดสินเชื่อเพิ่ม 20%
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาพรวมธุรกิจโรงรับจำนำพบว่า มียอดคงค้างเงินรับฝาก ณ เดือนเมษายน 2568 รวม 1,321 ล้านบาทลดลง 497 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือลดลง 27.34% ขณะที่มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อรวม 24,834 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4,591 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.68%
นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการ โรงรับจำนำ อีซี่มันนี่ สถาบันสินเชื่อทางเลือกของคนไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า สถานการณ์ความต้องการใช้เงินผ่านระบบจำนำยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลสำคัญของธุรกิจโรงรับจำนำ
ทั้งนี้ ตามสถิติช่วง 2เดือนดังกล่าว จะมีธุรกรรมสูงกว่าช่วงอื่นๆของปีราว 20% ซึ่งปีนี้ก็ยังเป็นไปในทิศทางเดิม ทั้งช่วงสงกรานต์และเปิดเทอม เพราะเป็นช่วงที่ครัวเรือนมีรายจ่ายก้อนใหญ่ และต้องการเงินหมุนระยะสั้นที่เข้าถึงง่าย
อีกจุดที่น่าสนใจปีนี้เราพบว่า มีลูกค้าและผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งหันมาใช้บริการ “อีซี่มันนี่” หลังจากถูกธนาคารปฎิเสธคำยื่นขอวงเงินกู้ไม่ผ่าน ซึ่งสะท้อนบทบาทสำคัญของ “อีซี่มันนี่” ในฐานะสินเชื่อทางเลือก เพราะอีซี่มันนี่พิจารณา Risk Profile ของลูกค้าแตกต่างจากธนาคารคือ ไม่ได้ดูฐานข้อมูลในเครดิตบูโรหรือเอกสารรายได้ แต่พิจารณาจากมูลค่าของทรัพย์ที่นำมาจำนำเป็นหลัก
ดังนั้น “อีซี่มันนี่” จึงสามารถช่วยเติมช่องว่างด้านสภาพคล่องให้กับกลุ่มคนที่ระบบเดิมยังเข้าไม่ถึง ไม่ว่าพ่อค้า แม่ค้า รายย่อยหรือคนทำงานอิสระ ในภาพรวมอีซี่มันนี่เป็นหนึ่งในกลไกที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในระบบการเงินทำให้คนจำนวนมากสามารถจัดการสภาพคล่องได้ทันเวลา และไม่ต้องหันไปพึ่งแหล่งเงินทุนนอกระบบ
“ปี 2568 นี้เป็นอีกปีที่ “อีซี่มันนี่”วางเป้าหมาย ในการขยายบทบาทจากแค่ทางเลือกเงินด่วน ไปสู่ตัวช่วยทางการเงินที่ฉลาดและเข้าถึงได้ สำหรับคนไทยทุกกลุ่ม ไม่ว่าพ่อค้าแม่ค้า คนทำงานอิสระหรือผู้ประกอบการ SMEs”
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง โดยปกติแล้วช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะเป็นอีกช่วงที่มักจะเห็นดีมานด์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเตรียมสต็อกสินค้าสำหรับปลายปี รวมถึงลูกค้าที่ต้องการหมุนเงินระยะสั้นระหว่างรอรายได้/ยอดขายช่วงปลายปี ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่า แนวโน้มยังเป็นไปในทิศทางเดิม เพราะพฤติกรรมการวางแผนสภาพคล่องและการใช้จ่ายของลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีความต่อเนื่องจากปีก่อนๆ
ทั้งนี้ ยอดปล่อยสินเชื่อของโรงรับจำนำปี 2567 มีจำนวนกว่า 101,406 ล้านบาทเติบโตมาตลอดและมีแนวโน้มจะเติบโตต่อในปี2568 โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์ที่เป็นทองคำและของมีค่ารายย่อย เช่น นาฬิกา สินค้าแบรนด์เนม สินค้าไอที ซึ่งในมุมของ “อีซี่มันนี่”เอง เราเห็นการเติบโตของมูลค่ารับจำนำเพิ่มขึ้น สะท้อนความต้องการสภาพคล่องที่เข้าถึงง่ายยังมีอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยจำนวนมาก
นายสิทธิวิชญ์กล่าวว่า ปัจจัยบวกครึ่งปีหลังคือ คนเริ่มมองโรงรับจำนำเป็นเครื่องมือทางการเงิน ไม่ใช่แค่ที่พึ่งยามเดือดร้อน และมีความคุ้นเคยกับอีซี่มันนี่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานอิสระ หรือ SMEs และคนรุ่นใหม่ แต่ยังมีปัจจัยลบที่ท้าทายคิือ สภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้ลูกค้ากลุ่มหนึ่งหารายได้ได้น้อยลง จะเลือกมาไถ่ถอนทรัพย์ แต่อีกกลุ่มที่ต้องการสภาพคล่องมาใช้บริการมากขึ้น
ในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ยอดการเติบโตธุรกรรมของอีซี่มันนี่จะชะลอด้วย เพราะคนไม่อยากมีภาระดอกเบี้ย ถ้ามีเงินก้อนจะมาไถ่ถอน แต่ช่วงที่เศรษฐกิจกำลังจะฟื้น คนจะมาใช้บริการมาก เช่น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ต้องการหมุนเงิน เห็นได้จากช่วงหลังโควิดที่รัฐบาลเปิดประเทศ ธุรกรรมของอีซีมันนี่เติบโตจากวันนั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวงเงินจำนำว่า โรงรับจำนำสามารถให้วงเงินได้แค่หลักหมื่นบาท เพื่อใช้จ่ายเล็กๆ แต่ในความเป็นจริง อีซี่มันนี่สามารถให้วงเงินได้เท่ามูลค่าทรัพย์ที่นำมาจำนำโดยไม่มีเพดาน
ดังนั้น“อีซี่มันนี่”จะต้องสื่อสารให้สังคมรับรู้ว่า โรงรับจำนำยุคใหม่ไม่ใช่แค่แหล่งเงินเล็กๆในยามฉุกเฉินเท่านั้น แต่เป็นทางเลือกทางการเงินที่ใช้วางแผนได้จริง โดยเฉพาะในจังหวะที่ต้องการใช้ทรัพย์มาเปลี่ยนเป็นทุนระยะสั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ “อีซี่มันนี่” มีลูกค้าทั้งประชาชนรายย่อยและผู้ประกอบการในสัดส่วน 69% และ 31% ตามลำดับ โดยจะเห็นว่า กลุ่มลูกค้าค่อยๆขยับเพิ่มขึ้น จากหลายปีก่อนแค่ 25% ส่วนมูลค่ารับจำนำปี 2566 อยู่ที่ 17,083 ล้านบาท ถัดมาในปี 2567 เป็น 21,170 ล้านบาท (จากยอดปล่อยสินเชื่อในระบบ 1.01 แสนล้านบาท)
ขณะที่สัญญาณลูกค้าไถ่ถอนทรัพย์สูงขึ้นทั้งปีนี้และปีที่แล้ว เห็นได้จากทรัพย์ที่เป็นทองคำจะหลุดจำนำแค่ 1%เศษๆ จากปกติอยู่ที่ประมาณ 4% แต่ทรัพย์ประภทอื่นตอนนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ(ทรัพย์ที่ไม่ใช่ทองคำ)
สำหรับปีนี้ “อีซี่มันนี่” ตั้งเป้าหมายไว้ 3เรื่องหลัก ทั้งด้านพัฒนามาตรฐานด้านบริการ, การเติบโตของธุรกิจ และการสร้างความเข้าใจใหม่ในสังคมเกี่ยวกับโรงรับจำนำ และ“อีซี่มันนี่”พร้อมเป็นคนกลางเปิดกว้างรับพันธมิตรทั้งด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร/Content Creator /Influencer และพันธมิตรที่เป็นแหล่งทุนอยู่แล้ว ต้องการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,108 วันที่ 26 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568