WHA ยันลูกค้าไม่ถอนทุน อวดแบ็กล็อกหนา 2 พันไร่ จ่อโอนไตรมาส 4/68
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า มองว่าจากประเด็นมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเป็นกระแสร้อนแรงที่หลายฝ่ายต่างให้ความสนใจ
โดยทาง WHA ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการสำรวจผลความคิดเห็นจากทั้งลูกค้ารายเดิมที่มีการลงทุนและตั้งฐานผลิตในนิคมอุตสาหกรรม WHA รวมถึงลูกค้ารายใหม่ที่มีการเซ็นสัญญาบันทึกข้อตกลงร่วมไว้แล้ว (Loi) ยังคงยืนยันไม่มีการยกเลิกสัญญา หรือย้านฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นแต่อย่างใด
หากมองภาพการลงทุนให้กว้างอีกนิดจะพบว่า ในการย้ายฐานผลิตแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องงาน และใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก รวมถึงต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรในประผลิต ดังนั้น แผนการลงทุนคงไม่ปรับเปลี่ยนในทันทีทันใดได้ง่ายนัก
"ด้วยนโยบายที่เปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ของสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว การลงทุนทางธุรกิจต้องมองภาพในระยะยาว ต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงความเหมาะสม ความคุ้มค่า ต้นทุนในการผลิต การขนส่งต่างๆ ร่วมด้วย"
พร้อมกันนี้ บริษัทยังเดินหน้าให้ข้อมูลกับผู้ลงทุน (Road Show) ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการให้ข้อมูลกับทางสิคโปร์และญี่ปุ่นไปบ้างแล้ว และผลการตอบรับก็ออกมาในทิศทางที่ค่อนข้างดี
นิคมฯ-โลจิสติกส์ ยังมีดีมานด์
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ยอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้าในมือปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,500 - 2,000 ไร่ ซึ่งคาดว่าการโอนกรรมสิทธิ์จะสูงสุดที่ในช่วงปลายปีหรือไตรมาส 4/68 โดยทั้งปี 68 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดการโอนกรรมสิทธิ์ไว้ที่ประมาณ 2,350 ไร่ ในไตรมาส 1/68 มีการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วราว 876 ไร่
นอกจากนี้ บริษัทยังคงความสนใจของลูกค้ารายใหม่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษํทมี Loi ในมือรวมมากกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการต่างชาติรายใหญ่ จำนวน 2 ราย มีความต้องการซื้อที่ดินแปลงใหญ่ ขนาด 400 และ 500 ไร่ ตามลำดับ
ส่วน ธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงประเภท Built-To-Suit ขณะเดียวกันยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง เข้ามาเพิ่มเติมทั้งจากลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
บริษัทมุ่งขยายโครงการใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพไทย เพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าเพิ่ม ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2, WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center บางนาตราด กม. 23 Inbound รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตารางเมตร (ตร.ม.)
โดยบริษัทได้ตั้งเป้ากลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 68 นี้ โดยการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตร.ม. โดยมีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ประมาณ 200,000 ตร.ม.(ไทย 163,000 ตร.ม./ เวียดนาม 37,000 ตร.ม.)
สำหรับการขยายการลงทุนในประเทศเวียดนามนั้น ตอนนี้มีนิคมฯ อยู่ 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 2,297 ไร่ (368 เฮกตาร์) ที่ได้รับการอนุมัติใบอนุญาตลงทุน (Investment Registration Certificate, IRC) เรียบร้อยแล้ว และ 1 โครงการ ขนาด 1,094 ไร่ (175 เฮกตาร์) และได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่ง พื้นที่รวม 4,000 ไร่ (640 เฮกตาร์)
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ แห่งแรกของ WHA ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน พื้นที่ 37,500 ตร.ม.
และได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ ซึ่งแผนการขยายดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"จากยอด Backlog ที่มีในมือปัจจุบันกว่า 1.5-2 พันไร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงปลายปีนี้ ละท้อนให้เห็นว่าความต้องการลงทุนในประเทศไทยยังคงมีอยู่ และยอดการโอนในปี 68 WHA จะทำได้ตามเป้าหมาย 2.35 พันไร่ การกระจายลงทุนในหลากหลายธุรกิจของ WHA จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับผลประกอบการเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนแน่นอน"