โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ทล.ลงนามจ้างพัฒนาทางหลวงพิเศษฯหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 2.6 พันล้าน

สยามรัฐ

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรมทางหลวงลงนามสัญญาจ้างโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หนุน EEC ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ภูมิภาค วงเงินสัญญา 2,651,988,700 บาท

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)และการยกระดับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของประเทศ ซึ่งจะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารและสินค้ารวมถึงสนับสนุนการเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 7, แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และแผนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ

โครงการดังกล่าวสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ได้อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องจราจร และขยายช่องทางจราจรเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะช่วยลดระยะทางจากการเดินทางโดยทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด สู่สนามบินอู่ตะเภา จากเดิม 5 กิโลเมตร เหลือเพียง 1.92 กิโลเมตร รวมถึงปรับปรุงการเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) โครงการนี้จะช่วยให้ประชาชนเดินทางเข้า-ออกสนามบินอู่ตะเภาได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รองรับ EEC ให้เป็นเมืองท่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินและเมืองธุรกิจที่สำคัญของไทย

สำหรับรูปแบบโครงการครอบคลุมการก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 1.92 กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างทางบริการใต้ทางยกระดับ รวมถึงช่องทางเลี้ยวและทางแยกต่างระดับบริเวณจุดตัดกับทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) โดยมีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด กม.ที่ 148+328 ไปจนถึงบริเวณทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3 พร้อมทั้งทำการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ระหว่าง กม.ที่ 186+350 ถึง กม.ที่ 192+000 โดยขยายจาก 4 ช่องจราจร เป็น 8 ช่องจราจร รวมระยะทาง 5.65 กิโลเมตร

สำหรับการลงนามครั้งนี้กรมทางหลวงได้ทำการลงนามสัญญาจ้างกับผู้รับจ้างจำนวน 2 สัญญา ประกอบด้วย: 1.สัญญาจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (Construction Supervision Consultant, CSC) กับกิจการค้าร่วม (Consortium) ประกอบด้วย Epsilon Co., Ltd., Index International Group Public Company Limited และ Decade Consultants Co., Ltd. วงเงินสัญญา 125,847,000 บาท และ2.สัญญาจ้างก่อสร้าง กับ Sino-Thai Engineering & Construction Public Company Limited (STECON) วงเงินสัญญา 2,651,988,700 บาท ทั้งสองสัญญาเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณของราชอาณาจักรไทย และเงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank, ADB)

นายอภิรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมทางหลวงได้ดำเนินการตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใส โดยมีการประกวดราคานานาชาติ และโครงการได้เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โครงการนี้มีระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาอยู่ที่ 3 ปี โดยได้ดำเนินการเวนคืนที่ดินเสร็จสิ้น 100% แล้ว คาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2571

ทั้งนี้เมื่อโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาแล้วเสร็จ จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว สามารถลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ประกอบการและประชาชนโดยการลดระยะทางเข้าสู่สนามบินอู่ตะเภา และการขยายช่องจราจรจะช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดปัญหาการจราจรติดขัด สนับสนุนการพัฒนา EEC ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการลงทุน การค้า และการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการบินและเมืองธุรกิจที่สำคัญของไทย รองรับการเดินทางแบบไร้ร้อยต่อระหว่างสนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง และการเดินทางทางถนน นับเป็นการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายจะช่วยสนับสนุนให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภากลายเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 อย่างเต็มศักยภาพ รองรับปริมาณผู้โดยสารและสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้ามาในพื้นที่ ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม การค้า และบริการ พร้อมทั้งการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอนาคต

"กรมทางหลวงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของประเทศให้มีความสมบูรณ์ รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ตอบสนองความต้องการของประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคอย่างยั่งยืน"

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

บุกรวบ "เจมส์" ยึดยาบ้า-ไอซ์ คาห้องเช่าย่านห้วยขวาง

34 นาทีที่แล้ว

ตร.โคราช ปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญตามหมายจับ

38 นาทีที่แล้ว

ล่าแก๊งค้ายาบ้าควบรถกระบะหนีตำรวจนาตาล เสียหลักลงข้างทางเจอยาบ้าจำนวนประมาณ 148,000 เม็ด

44 นาทีที่แล้ว

"นันทิวัฒน์" โพสต์แรง! “กรรมไล่ล่า” นักการเมืองขัดรัฐธรรมนูญ ม.144 ชี้ถึงเวลาเอาผิดทั้ง "ครม.-สภาฯ"

45 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ราคาทองวันนี้ 2 ส.ค. 68 พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 52,300 บาท

สยามรัฐ

ราคาทองคำวันนี้ 2 ส.ค. 2568 เปิดตลาดปรับเพิ่มขึ้น 250 บาท รูปพรรณขายออก 52,300 บาท

TNN ช่อง16

ราคาทองวันนี้ 2 สิงหาคม 2568

สยามนิวส์

ราคาทองวันนี้ 2 ส.ค. ปรับขึ้น 250 บาท

เดลินิวส์

ทรัมป์ ปลด หัวหน้าสถาบันสถิติแรงงาน หลังตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด

การเงินธนาคาร

ปรับโฟกัส เปลี่ยนพฤติกรรม เส้นทางหลุดพ้นวิกฤติหนี้ครัวเรือน

Thairath Money

กำลังผลิต “พลังงานหมุนเวียน” ของจีน เพิ่มเกือบสองเท่า ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้

เดลินิวส์

ราคาน้ำมันวันนี้ 2 ส.ค. 68

News In Thailand

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...