ประชาชนคนไทย ทำอะไรได้บ้าง เมื่อประเทศเผชิญภาวะสงคราม?
**ประชาชนคนไทย ทำอะไรได้บ้าง
เพื่อช่วยเหลือกองทัพ เมื่อประเทศเผชิญภาวะสงคราม?**
ในยามที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางความมั่นคงระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นภัยสงคราม หรือความไม่สงบชายแดนไทย-กับพูชา ที่เกิดเหตุปะทะขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ทำให้มีพลเรือนและทหารของประเทศไทยเสียชีวิตถึง 13 คน ประชาชนจำนวนไม่น้อยอาจตั้งคำถามว่า “เราจะช่วยอะไรได้บ้าง?” แม้จะไม่ใช่ผู้ถืออาวุธ หรือสวมเครื่องแบบทหาร แต่ทุกคนมีบทบาทสำคัญในการเป็นแนวหลังของกองทัพ เสริมพลังป้องกันชาติให้เข้มแข็ง
SPOTLIGHT WORLD รวบรวมแนวทางปฏิบัติที่ “พลเรือน” ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อสนับสนุนกองทัพอย่างเหมาะสม ภายใต้หลักคิด 4 ด้านที่จำเป็นต่อภาวะสงครามและวิกฤตความมั่นคง
1. ส่งกำลังบำรุงอย่างเหมาะสม
“ช่วยอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ช่วยแบบเพิ่มภาระ”
แม้หลายคนจะมีใจอยากช่วยเหลือด้วยการบริจาค แต่ในภาวะสงคราม ระบบโลจิสติกส์ของกองทัพต้องทำงานอย่างเป็นระบบ สิ่งของที่ไม่จำเป็นอาจกลายเป็นภาระมากกว่าความช่วยเหลือ
ประชาชนควร:
- บริจาคเฉพาะสิ่งจำเป็น เช่น เลือด ยา เวชภัณฑ์ หรืออาหารแห้ง ตามที่กองทัพร้องขอ
- หลีกเลี่ยงการส่งของใช้ทั่วไป เสื้อผ้าใช้แล้ว หรือของบริโภคที่เน่าเสียง่าย
- ใช้ช่องทางกลาง เช่น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของกองทัพ หรือหน่วยงานทางการ เพื่อการจัดส่งอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะกองทัพมีระบบจัดการสรรพกำลังอยู่แล้ว การสนับสนุนควร “เสริม” ไม่ใช่ “ซ้ำซ้อน”
2. รับข่าวสารอย่างมีสติ
“ข้อมูลคืออาวุธ ใครควบคุมข้อมูลได้ คนนั้นได้เปรียบ”
ในยุคสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ข้อมูลข่าวสารกลายเป็นแนวรบสำคัญไม่แพ้สนามรบจริง หากประชาชนขาดวินัยข่าวสาร ก็อาจตกเป็นเหยื่อของข่าวลวง ข่าวปลอม หรือแม้แต่ช่วยศัตรูโดยไม่รู้ตัว
ประชาชนควร:
- ติดตามข่าวจากเพจหรือเว็บไซต์ของกองทัพและหน่วยงานรัฐ เช่น กองทัพบก ศอ.บต. กระทรวงกลาโหม
- ตรวจสอบก่อนแชร์ หลีกเลี่ยงการส่งต่อข้อมูลที่ยังไม่ยืนยัน
- งดเปิดเผยภาพถ่ายหรือพิกัดที่เกี่ยวข้องกับยุทธการหรือการเคลื่อนกำลังพล
“แม้เพียงโพสต์เดียวก็อาจบ่อนทำลายภารกิจของกองทัพ และเป็นภัยต่อความมั่นคง”
3. เฝ้าระวังในพื้นที่
“ประชาชนคือแนวตา แนวหูของชาติ”
สงครามยุคใหม่ไม่จำกัดเฉพาะสนามรบ แต่แฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวของศัตรูอาจแฝงมาในรูปของสายลับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการก่อวินาศกรรมในเมือง
ประชาชนควร:
- สังเกตความผิดปกติ เช่น บุคคลแปลกหน้า ยานพาหนะต้องสงสัย หรือวัตถุที่ถูกวางทิ้งไว้โดยไม่มีเจ้าของ
- รีบแจ้งเหตุไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โทร 191, 1374 หรือใช้แอปฯ “Police i lert u”
- หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพหรือเข้าใกล้พื้นที่ปฏิบัติการของทหาร
“การแจ้งเหตุรวดเร็ว ช่วยยับยั้งภัยก่อนเกิด”
4. ใช้ทรัพยากรอย่างมีสติ
“ความมั่นคงเริ่มจากการประหยัด”
ในภาวะสงคราม การบริหารทรัพยากรของชาติคือหัวใจสำคัญ การใช้ไฟ น้ำ เชื้อเพลิง และอาหารอย่างฟุ่มเฟือย อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนที่กระทบต่อทั้งแนวหน้าและแนวหลัง
ประชาชนควร:
- ลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำในช่วงพีก
- ใช้พลังงานอย่างประหยัด หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
- สำรองอาหาร น้ำ และยาไว้ในระดับพอใช้ 3–5 วัน โดยไม่กักตุนเกินจำเป็น
“การประหยัดวันนี้ คือเสบียงวันหน้าให้ลูกหลานและกองทัพ”
แม้จะไม่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่ประชาชนทุกคนคือพลังสำคัญในการรักษาเอกราชของชาติ
“เมื่อแนวหน้าเดินหน้า ประชาชนแนวหลังต้องไม่ถอย”
รู้หน้าที่ของตน รับผิดชอบต่อสังคม ใช้ข้อมูลอย่างมีวินัย และร่วมมือกับกองทัพอย่างรอบคอบ คือหัวใจของ ‘พลเรือนที่มีคุณภาพ’ ในยามสงคราม