“พิชัย” คาดไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีในระดับภูมิภาคเดียวกัน ไม่เกิน 20%
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาเกี่ยวกับอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) โดยระบุว่า เมื่อค่ำวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตน และคณะทีมไทยแลนด์ได้หารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ในการเจรจารอบที่ 2 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยการหารือใช้เวลา 30 นาทีเต็มตามกรอบเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งถือเป็นการพูดคุยในระดับนโยบายที่ต่อเนื่องจากการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจากทั้งสองฝ่ายในช่วงก่อนหน้านี้
โดยนายพิชัย ระบุว่า สำหรับบรรยากาศโดยรวมของการเจรจาครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างสรรค์ โดยฝ่ายไทยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ซึ่งสะท้อนความตั้งใจในการตอบสนองข้อกังวลของสหรัฐฯ ครอบคลุมทั้งเรื่องภาษีนำเข้า การเปิดตลาด การค้าผ่านแดน การลงทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงระบบของเศรษฐกิจไทยอย่างสมดุล
ขณะที่ ฝ่ายสหรัฐมีท่าทีเป็นบวก และเห็นพ้องกับหลักการสำคัญของไทยหลายประการ โดยเฉพาะแนวทางที่เน้นการสร้างสมดุลผลประโยชน์ระหว่างภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และการเปิดตลาดนำเข้า ซึ่งเป็นจุดแข็งของข้อเสนอรอบนี้
การเปิดตลาดไม่ได้หมายถึงแค่ลดการขาดดุล แต่มองไปที่การสร้างโอกาสเชิงรุกให้เศรษฐกิจไทยโตได้อย่างยั่งยืน การเปิดตลาดควรทำควบคู่กับการยกระดับประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ทั้งในด้านต้นทุน คุณภาพสินค้า และนวัตกรรม
สำหรับสินค้าบางรายการที่ยังคงเป็นประเด็นกังวล รัฐบาลจะมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งในรูปแบบของมาตรการปกป้องภายในประเทศ และการเจรจาเชิงลึกกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมย้ำว่า ข้อเสนอของไทยไม่ใช่การยอมถอย แต่เป็นแนวทางแบบ “Win-Win” ที่ไทยเองต้องเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดโลกไปพร้อมกัน
ในด้านอัตราภาษีนำเข้า นายพิชัยระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากฝั่งสหรัฐฯ แต่จากบรรยากาศของการเจรจาที่เป็นไปอย่างดี ขณะที่ข้อเสนอเพิ่มเติมถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีนำเข้าในระดับเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่คาว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีในระดับเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งคาดว่าอัตราภาษีนำเข้าจะไม่เกิน 20% ใช่หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า “ก็แปลว่าอย่างนั้น” หากเป็นไปได้ตามนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของการเจรจาครั้งนี้
"จากท่าทีและบรรยากาศโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน เราคุยกันบนหลักการที่ชัดเจน ไม่มีอะไรคลุมเครือ และข้อเสนอของไทยถือว่ามีความคืบหน้าอย่างมาก เมื่อถามว่าอะไรที่ส่งสัญญาณว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ก็เพราะเขาพูดว่า Very Substantial Improvement”
ทั้งนี้ ไทยคาดว่า ผลการเจรจารอบนี้จะถูกรายงานต่อผู้บริหารระดับสูงสูงของสหรัฐ โดยตรง และไทยคาดว่าจะได้รับคำตอบภายในเร็วๆนี้ ซึ่งก่อนขีดเส้นตายวัน 1 ส.ค.2568
สำหรับ อัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จากสหรัฐฯในภูมิภาคเดียวกัน เช่น
เวียดนาม 20%
อินโดนีเซีย 19%
ฟิลิปปินส์ 20%
มาเลเซีย 25%
ไทย 36%
พม่า 40%
ลาว 40%
กัมพูชา 36%