แชร์ 7 วิธีรับมือภาวะหมดไฟ ฉบับฮีลใจ ชวนเติมพลังให้ตัวเองกลับมามีไฟอีกครั้ง!
อีกหนึ่งสิ่งที่เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยเผชิญหน้าสักครั้ง คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟจากการทำงาน เพราะเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงานที่มักได้รับความเครียดและแรงกดดันสูง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเจ้าภาวะนี้จะผลกระทบต่อเราอีกมากมาย ทั้งทางร่ายกายและจิตใจ
วันนี้เลยขอแวะมาแชร์ 7 วิธีรับมือภาวะหมดไฟ ฉบับฮีลใจ ในวันที่เราต้องเชิญหน้ากับมัน เราควรจะรับมือและจัดการภาวะหมดไฟนี้ยังไงดี พร้อมแชร์ทริคที่จะพาทุกคนไปเติมพลังให้ตัวเองกลับมามีไฟอีกครั้ง ไม่รอช้า เราไปดูพร้อมๆ กันได้เลย ! (◕ ᴗ ◕„)ノ
Trending แชร์พิกัด 7 ที่พัก Staycation ไวบ์ดี บรรยากาศสุดชิล ฟีลธรรมชาติ ชวนพักผ่อนฮีลใจในวันหยุด
.・。.・゜✭・.・✫・゜・。.
ชวนรู้จัก Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟจากการทำงาน
Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟจากการทำงาน คือ ภาวะที่ร่างกายอ่อนล้าทางอารมณ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจที่เกิดจากความเครียดและความกดดันที่สะสมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจากการทำงาน จนเกิดเป็นความเหนื่อยล้าที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีความสุขในการทำงาน มองความสัมพันธ์การทำงานในแง่ลบ จนท้ายที่สุดแล้วจึงทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างแย่ลง ตลอดจนส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจอีกด้วย
โดยสาเหตุหลักๆ ก็มาจาก ‘ความเครียดและแรงกดดันได้ที่รับจากการทำงาน’ อย่างการได้รับภาระงานที่หนักหรือได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไป และอาจรวมถึงปัจจัยอื่นๆ ส่วนตัวด้วยเหมือนกัน อย่างเช่น การคาดหวังกับตัวเองมากจนเกินไป ทุกงานต้องออกมาสมบูรณ์แบบ ห้ามมีข้อผิดพลาด หรือการขาด Work-Life Balance ชอบให้ความสำคัญกับงานมากเกินไปจนไม่มีเวลาเป็นของตัว จนเกิดเป็นความเครียดและความกังวลนั่นเอง
วันนี้เราเลยขอแวะมาแชร์ 7 วิธีรับมือภาวะหมดไฟ ชวนทุกคนมาเติมพลังให้ตัวเองกลับมามีไฟอีกครั้งกัน บอกเลยว่าเป็นวิธีที่ทุกคนสามารถทำตามได้ง่ายๆ เลย ที่สำคัญ คือ เรามาแชร์ให้เป็นฉบับฮีลใจ เหมาะกับทุกคนที่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ และหมดไฟ แต่อยาก recovery และรักษาใจตัวเองแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวา ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลย ( ¨̮ )
│
#1 ให้เวลาตัวเองได้พัก
การได้รับภาระงานที่หนักเกินไป เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆ เลยที่ทำให้เราเกิดภาวะหมดไฟ เพราะพอนานๆ ไป เวลาส่วนตัวของเราก็ค่อยๆ หายไปทีละนิดจนสุดท้ายเราก็ไม่เหลือเวลาพักผ่อนหรือเวลาส่วนตัวให้กับตัวเอง เพราะงั้นวิธีรับมืออันดับแรกเลยคือ ‘การให้เวลาตัวเองได้พัก’ อาจจะเป็นการลาพักร้อนไปเที่ยวหรือการลาหยุดมานอนพักที่บ้านเฉยๆ เพื่อปล่อยให้เราได้มีเวลาพักและฟื้นฟูตัวเองได้ดีเท่าที่ควร โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องงาน
- ให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนจริงๆ
ในที่นี่เลยหมายถึงทั้งการนอนพักผ่อน การทำอะไรที่ชอบ ไปจนถึงการได้อยู่กับคนที่รัก
อาจจะแค่นอนเล่นอยู่บนเตียง ดูการ์ตูน ดูหนัง อ่านหนังสือ หรืออยู่กับน้องหมาน้องแมว
เพราะการพักผ่อนของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนแค่ได้นอนเล่นบนเตียงเฉยๆ ก็ถือว่าได้พักผ่อนชาร์จพลังแล้ว เพราะงั้นการพักผ่อนคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำแล้วรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และเหมือนได้ฮีลใจเติมพลังจากสิ่งๆ นั้นนั่นเอง ( ¨̮ )
│
#2 ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลอง
และถ้าใครกำลังรู้สึกหมดไฟ ไม่อยากทำงานซ้ำๆ เดิมแบบนี้ อาจจะ ลองหากิจกรรมใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลองทำทำกันดูสักครั้ง ! เพราะการที่เราได้ก้าวออกจากเซฟโซนไปลองทำอะไรใหม่ๆ จะทำให้เราได้เปลี่ยนจุดโฟกัส จากที่โฟกัสแต่กับงานเปลี่ยนมาโฟกัสกิจกรรมที่ท้าทายและสนุกแทน นอกจากนี้การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ยังช่วยให้ร่างกายและจิตใจของเราได้ผ่อนคลายและฟื้นฟูตัวเองอีกด้วย (◕ ᴗ ◕„)ノ
ลองเวิร์กช็อปที่อยากลองทำ
อย่างการปั้นดินเผา เพ้นท์คุกกี้ ล้างฟิล์ม หรือเข้าคลาสออกกำลังกายลองทำอะไรด้วยตัวเองให้มากขึ้น
อย่างการทำอาหารกินเอง ชงมัทฉะดื่มเอง
หรือไปดูนิทรรศการศิลปะคนเดียว จริงๆ แล้วก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน แถมยังเราได้ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้นอีกด้วย !ลองทำกิจกรรม adventure ฉบับสายลุย
อย่างปีนผา เล่นเสิร์ฟ หรือเดินป่า
│
#3 เติมพลังด้วยของอร่อยและของที่ชอบ !
ในช่วงที่รู้สึกหมดไฟ สิ่งที่สำคัญที่ไม่อยากให้ทุกคนมองข้าม คือ การดูแลรักษาหัวใจของตัวเองด้วยการเติมพลังด้วยของอร่อยและของที่ชอบ ถึงแม้จะดูเป็นวิธีเบสิกและดูไม่มีอะไร แต่การได้ปล่อยให้ตัวเองได้เติมพลังด้วยของอร่อยและของที่ชอบก็สามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีแบบสุดๆ
เพราะมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เข้ามาช่วยปรับชีวิตให้มีความสมดุล ทำให้เราจัดการตารางชีวิตได้ลงตัว มี work life balance ที่ดี ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ burnout นั่นเอง (◕ ᴗ ◕„)ノ
หาอะไรอร่อยๆ กินฮีลใจ
ลองหาร้านใหม่ๆ ที่อยากลอง หรือกลับไปกินร้านโปรด comfort zoneแวะไปทำสิ่งที่ชอบ
ไปดูคอนเสิร์ต ทำเล็บ ทำสีผม หรือซื้อกล่องจุ่ม
│
#4 เริ่มจากก้าวเล็กๆ แล้วค่อยๆ เติบโต
อีกหนึ่งสิ่งที่พอโตขึ้นแล้วเราชอบเผลอลืมมันไปอยู่บ่อยๆ คือ เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จในครั้งเดียวก็ได้ แต่ค่อยๆ ทำไปทีละอย่างให้ดีที่สุด เริ่มจากก้าวเล็กๆ แล้วค่อยๆ เติบโตก็ได้เหมือนกัน
เชื่อว่าหลายๆ คนพอโตขึ้นก็ยิ่งได้รับความคาดหวังมากขึ้นจนเผลอกดดันตัวเองมากเกินไป แต่ทุกอย่าลืมว่าทุกอย่างต้องมีครั้งแรกและทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้เสมอ ไม่มีใครไม่เคยทำผิด เพราะอย่างงั้นเราไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป ถ้าผิดก็แค่แก้ไข พอเวลาผ่านไป สิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดจะกลายเป็นแค่จุดจิ๋วๆ ในชีวิตแค่นั้นเอง ให้โอกาสตัวเองในการเรียนรู้ ยอมรับ แก้ไข และโตไปกับมัน ในอนาคตเราอาจจะกลายเป็นต้นถั่วงอกที่แข็งแรงที่สุดก็ได้ ใครจะไปรู้ ( ¨̮ )
│
#5 ออกไปพบปะผู้คนและเปลี่ยนบรรยากาศ
ถ้าอยู่บ้านแล้วใจเฉา ลอง ออกไปพบปะผู้คนและเปลี่ยนบรรยากาศ กันดูสักหน่อยดีกว่า ( ¨̮ ) ทุกคนรู้ไหมว่าการได้ออกไปพบปะผู้คน ได้มี quality time กับคนที่รักสามารถช่วยลดความเครียดและช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ด้วยนะ เพราะการได้อยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยคนที่เรารักและคนที่รักเราจะทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มและได้รับพลังงานดีๆ กลับมานั่นเอง
นอกจากการได้ออกไปพบปะผู้คนแล้ว การเปลี่ยนบรรยากาศ เองก็ช่วยได้เหมือนกัน ! ทุกคนอาจจะเคยได้ยินว่าถ้าอกหักแล้วให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ดู เพราะมันจะช่วยให้มูฟออนได้เร็วขึ้น จริงๆ แล้วก็เอามาใช้กับภาวะหมดไฟก็เหมือนกัน เพราะการได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ เปลี่ยนบรรยากาศจะช่วยลดความเครียด ทำให้เรารู้สึกได้พักผ่อน มีเวลาเยียวยาและฟื้นฟูตัวเองจริงๆ ในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจและเติมพลังให้เราได้อีกด้วย
เพราะงั้นถ้าใครกำลังเหนื่อยจากงาน อาจจะลองหาวันลาพักร้อนสักสองสามวันแล้วไปเที่ยวดูสักครั้ง เที่ยวแบบไม่ต้องคิดถึงเรื่องงาน แค่ไปซึมซับบรรยากาศดีๆ ไปลองทำกิจกรรมใหม่ๆ และกินของอร่อยๆ รับรองเลยว่ามันจะเป็นอะไรที่เติมพลังให้เราได้ดีมากจริงๆ
ออกไปพบปะผู้คนให้ใจไม่รู้สึกเหงา( ¨̮ )
นัดแฮงค์เอาท์กับเพื่อนบ้าง ออกไปเที่ยวคาเฟ่ หรือกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัวบ้างเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปเที่ยวที่ใหม่ๆ
อาจจะชวนเพื่อนหรือครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด / ต่างประเทศ
│
#6 ไม่ลืมที่จะดูแลสุขภาพตัวเอง !
ถึงจะเป็นอะไรที่เบสิก แต่ก็ห้ามลืมเด็ดขาดเลย ! เพราะการดูแลตัวเองให้สุขภาพดีทั้งกายและใจนั้นจะช่วยส่งเสริมให้เรามีความ productive สามารถทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้เราสามารถโฟกัส มีสมาธิ และจัดการความเครียดได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกาย ก็อาจจะส่งผลให้ร่างกายเราอ่อนล้า มึนงง ไม่มีแรงทำงาน ไม่สามารถโฟกัสและมีสมาธิจดจ่อกับงานได้ ท้ายที่สุดแล้วประสิทธิภาพในการทำงานของเราก็จะลดลงจนกลายเป็นว่าเราอาจรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอและเริ่มหมดไฟไปทีละนิด
นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง
หลังจากที่ร่างกายทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว เราควรจะปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะช่วยให้ตอนตื่นมาสมองปลอดโปร่งแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความเครียด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วยกินอาหารมีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกาย
เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายและสมอง ช่วยลดความเหนื่อยล้า ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรมอีกด้วยดื่มน้ำเยอะๆ !
เป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญมาก เพราะถ้าเราดื่มน้ำน้อย ร่างกายขาดน้ำ จะทำให้สมองล้าและเกิดอาการมึนงงได้นะ
│
#7 จัดตารางชีวิตให้มีความบาลานซ์
อีกหนึ่งวิธีการรับมือกับภาวะหมดไฟที่ดีที่สุด คือ ‘การจัดตารางชีวิตให้มีความบาลานซ์’ หรือการมี Work-life Balance นั่นเอง เพราะถ้าเราสามารถบริหารจัดการเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างเหมาะสม จะส่งผลให้เราสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ในเวลาเดียวกัน ชีวิตส่วนตัวก็ยังแฮปปี้ มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอและมีคุณภาพ ได้ออกไปเที่ยว ทำกิจกรรม พบปะครอบครัว เพื่อน หรือแฟน ( ¨̮ )
ลองเขียน To-Do-List
จัดงานตามลำดับความสำคัญ วางแผนว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง พร้อมแบ่งงานตามลำดับความสำคัญ
( งานสำคัญ งานเร่ง และงานอื่นๆ ) และอย่าลืมกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนเข้าไปด้วย ( ¨̮ )
เช่น งาน A ต้องทำให้เสร็จภายใน 17.00 น.
งาน B กำหนดส่งให้ลูกค้า เวลา 12.00 น.
งาน C กำหนดส่งวันที่ 18 มิ.ย. 2568 / เวลา 18.00 น.แบ่งเวลาเวลาการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้ชัดเจน
เวลางานก็ทำเต็มที่ แต่ก็มีเวลาได้พักผ่อนเต็มที่เหมือนกัน !
★ กำหนดเวลาทำงาน / เวลาส่วนตัวให้ชัด
★ แบ่งโซนการทำงานให้ชัดเจน ถ้าถึงเวลาทำงานมานั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่นอนทำงานบนเตียง
★ ไม่เอางานกลับมาทำต่อที่บ้าน เคลียร์ให้เสร็จตาม To-Do-List หรือทำต่อในวันถัดไป
หวังว่า 7 วิธีรับมือภาวะหมดไฟ ฉบับฮีลใจ ที่เรามาแชร์ให้วันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ! ( ¨̮ )
แชร์ทริค 7 วิธี Productive ชวนเติมไฟให้ตัวเอง
ปรับชีวิตให้สมดุล ทำงานให้มีประสิทธิภาพกว่าที่เคย!
อ่านต่อที่นี่! https://www.zipeventapp.com/blog/2025/06/17/ways-to-be-productive/
│
✦ 6 บริการด้านอีเว้นท์ครบวงจร ตอบโจทย์ผู้จัดงาน ✦
เราเข้าใจทุกเรื่องของ อีเว้นท์ ให้เราช่วยคุณ !
สนใจบริการด้านอีเว้นท์ครบวงจร ติดต่อเรา!
E-mail: sales@zipeventapp.com / Call: 020385150 / Inbox FB: Zipevent
Website: https://www.zipeventapp.com/home/organizer
Follow us for more interesting content!
ฝากถึงพี่น้อง แฟนๆ ที่เคารพรักทุกท่าน ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย จิ้มๆ
- Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ) หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
- Website: www.zipeventapp.com
- Instagram: @Zipevent
- Facebook: @Zipevent
- Twitter: @Zipevent
- Tiktok: @Zipeventapp
- LINE TODAY: Zipevent
- YouTube: Zipevent
- Blockdit: @Zipevent