สวยสุขภาพดีแบบ “เค-บิวตี้” แปลงโฉม เปลี่ยนหน้า ปรับลุค
โดยเนรมิต ดีดีพี หรือ ทงแดมุนดีไซน์พลาซ่า (DDP : Dongdaemun Design Plaza) ให้เป็นพื้นที่แห่งความงาม ทั้งเคบิวตี้ทาวน์ เคบิวตี้สตรีท เคบิวตี้พลาซ่าเคบิวตี้อะคาเดมี่ และเคบิวตี้ทราเวลมาร์ท ภายในงานที่เปิดให้ผู้ให้บริการการท่องเที่ยวจากนานาประเทศได้เข้าไปทำความรู้จักกับสินค้าและบริการในหมวดเค-บิวตี้ (K-Beauty) ที่ไม่ได้มีเพียงแค่คลินิกศัลยกรรมความงาม หรือเครื่องสำอางนับพันแบบเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่เกี่ยวเนื่องในแบบแวลเนสรวมอยู่ด้วย โดยไม่เพียงเปิดโอกาสให้ทำความรู้จักกับผู้ให้บริการเท่านั้น แต่ยังพาไปเปิดประสบการณ์ในสถานที่จริง
เริ่มต้นที่ Heidi Haus Spa (เฮดิ ฮอส สปา) ฟิตเนสแบบครบวงจรที่รวมบริการด้านสปาไว้ด้วย มีตั้งแต่สระน้ำแร่หลากหลายสไตล์ สระว่ายน้ำทั้งแบบในร่มและกลางแจ้งที่พร้อมให้ลงแหวกว่ายได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหนาว หรือยามใบไม้ผลิ ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ที่มีพิลาทิสและสตูดิโอโยคะรวมอยู่ด้วย พร้อมทั้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมพิเศษอย่างการบำบัดด้วยเสียง (Sound Bath and Meditation) และห้องอาหารที่เสิร์ฟเมนูเพื่อสุขภาพ ทั้งหมดอยู่ในอาคารพื้นที่ 11,570 ตารางเมตร ที่อยู่เคียงข้างภูเขาอูมยอง (Mount Umyun) วิวธรรมชาติที่ช่วยฮีลใจยามมองเห็นสีเขียวที่โอบล้อม
แต่หากเป็นเรื่องของคลินิกศัลยกรรมความงาม เชื่อว่าชื่อของ เจเค พลาสติก เซอเจอรี เซ็นเตอร์ (JK Plastic Surgery Center) ต้องเป็นหนึ่งในคลินิกลำดับต้น ๆ ด้วยประสบการณ์การให้บริการมายาวนานในย่านกังนัม มีผู้เข้ารับบริการปรับเปลี่ยนรูปหน้าเฉพาะชาวต่างชาติมากกว่า 100,000 คน จาก 110 ประเทศ ซึ่งแน่นอนว่ามีประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งยังได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้ด้วย ยังไม่รวมการได้รับใบรับรองโรงพยาบาลที่ให้บริการกับชาวต่างชาติเป็นแห่งแรกของเกาหลีใต้
ในตึก 6 ชั้นนอกจากจะมีบริการครบวงจรสำหรับผู้ที่มาศัลยกรรมรวมห้องพักแบบวีไอพีแล้ว ยังมีบริการด้านทรีทเมนต์ดูแลผิวพรรณด้วย แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดคลุมที่ให้ความรู้สึกเหมือนป้า ๆ แกงค์ไฮโซในซีรีส์มานอนนวดหน้าไปเมาท์กันไป ในเวลา 1 ชั่วโมงของการทำทรีทเมนท์ที่มีทั้งปาด แปะ โปะ แถมด้วยการฉายแสงสีแดงที่ฮิตมาได้ซักระยะ ซึ่งว่ากันว่าแสงสีแดงจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นเซลล์ ช่วยลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก และปรับผิวให้เรียบเนียน อิ่มฟู ไปพร้อมกัน เรียกว่ามาเจเคฯแล้วหน้าไม่เด้งกลับไปถือว่ายังมาไม่ถึง
ฃไม่ใช่เพียงเรื่องใบหน้าและผิวพรรณเท่านั้น แต่เกาหลีใต้ยังมีโรงพยาบาลที่ให้บริการเฉพาะทางอย่างโรงพยาบาลตาด้วย และกังนัม แกรนด์ อาย คลินิก (Gangnam Grnad Eye Clinic) ก็เป็นโรงพยาบาลตาที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีเช่นกัน บอกเลยว่าลืมภาพแผนกตาส่วนหนึ่งในโรงพยาบาลใหญ่ หรือคลินิกตาบ้านเราไปได้เลย เพราะที่นี่ไม่ได้มีเครื่องมือการตรวจรักษาตาแบบครบทุกฟังก์ชั่น แต่ยังมีจำนวนเครื่องมากมายที่พร้อมจะตรวจรักษาคนไข้ที่มีนัดและมาแบบไม่ทันตั้งตัวได้แบบไม่ต้องรอคิวนาน ทั้งตรวจคุณภาพของน้ำในตา กระจกตา แรงดันตา ไปจนถึงสายตาสั้นหรือยาว โดยมีแพทย์ประจำการหลัก 2 ท่านตลอดทั้งวัน ที่พร้อมจะอ่านค่าการตรวจ ให้การรักษาและคำแนะนำคนไข้แบบตัวต่อตัว
บางคนอาจคิดใครจะไปหาหมอรักษาตาถึงเกาหลีใต้กัน ที่นี่มีคนไข้ที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาตรวจรักษาอยู่เสมอแล้ว ทั้งจากสหรัฐอเมริกา รัสเซีย มองโกเลีย หรือจีน ซึ่งเรื่องภาษาไม่เป็นปัญหาเพราะที่นี่มีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้บริการหลากหลายภาษาซึ่งรวมทั้งภาษาไทยด้วย หากนัดหมายเข้ามาล่วงหน้า
นอกจากนี้ยังมีแพทย์แผนโบราณในแบบเกาหลีให้ได้ไปทดสอบด้วย หากนึกไม่ออกให้นึกถึงชื่อ “หมอโฮจุน” ที่คนไทยคุ้นเคยจากซีรีส์แนวย้อนยุค แม้หมอโฮจุนจะไม่ใช่หมอฝังเข็มที่มีชื่อเสียงเท่ากับหมอฮออิมที่ไล่หลังตามมาในยุคเดียวกัน แต่อิทธิพลการแพทย์แผนจีนที่ส่งต่อเชื่อมโยงถึงกัน ทำให้การแพทย์แผนโบราณของเกาหลีมีศาสตร์ด้านการฝังเข็มรวมอยู่ด้วย ซึ่งรวมถึงวิธีตรวจรักษาอย่างการจับชีพจรอย่างที่เห็นเหล่าหมอหลวงใช้เสมอ แม้วันนี้การแพทย์จะก้าวไกลแต่รูปแบบการรักษาดั้งเดิมก็ยังคงมีอยู่ โดยมุ่งเป้าการรักษาเฉพาะโรคเฉพาะทางอย่างการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ที่ใช้การฝังเข็มรักษาได้อย่างดี
เปิดคลินิก โรงพยาบาลให้เยี่ยมแบบเต็มที่แล้ว งานเทศกาลความงามของเกาหลีนี้ยังมีการเปิดพื้นที่พิเศษด้วย อย่างเมียงดงย่านช้อปปิ้งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมี “บิวตี้เพลย์” (Beauty Play) ที่ไม่เพียงมีแบรนด์เครื่องสำอางจากผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ คล้าย ๆ กับกลุ่มสตาร์ทอัพมาจัดแสดงหลากหลายยี่ห้อ และให้ทดลองผลิตภัณฑ์แล้ว ยังมีมุมพิเศษที่ให้ผู้มาเยือนได้ลองทดสอบว่าสีสันใดที่เหมาะกับใบหน้าและสีผิวของแต่ละคน ได้สีที่เข้ากับตัวเองแล้ว เลยต่อเข้าไปแต่งหน้าที่มีช่างมืออาชีพคอยให้บริการอยู่ เสร็จแล้วไปทำเล็บด้วยอีกอย่าง แบบว่าออกมาเดินเมียงดงแบบหน้าฉ่ำ ๆ ได้เลย แถมยังมีคีออสเล็ก ๆ ชวนให้เข้าร่วมอยู่บนถนนเมียงดงอีกแห่งด้วย
พื้นที่แห่งความงามยังไม่หมดเท่านั้น เพราะย่านซองซูที่มาแรงแซงโค้งย่าน ๆ อื่นในห้วงเวลานี้ เป็นอีกแห่งที่มีร้านเครื่องสำอาง น้ำหอม เลยไปถึงร้านเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แหล่งใหญ่อีกแห่งให้ไปเดินช้อปเดินลอง ในช่วงหน้าร้อนอย่างตอนนี้ ร้านที่ดูจะฮอตฮิตที่สุดในย่านซองซูเห็นจะเป็นบรรดาร้านน้ำหอม น้ำหอมส่วนใหญ่เป็นสไตล์กลิ่นจากธรรมชาติ มีให้ทดลองฉีด ดม ผสมผสานกลิ่นกันได้แบบไม่จำกัด เรียกว่าเดินเมียงดงหน้าฉ่ำแล้วมาเติมความหอมให้ตัวเองต่อที่ย่านซองซู
หน้าเป๊ะ ตัวหอมกรุ่นแล้ว ก็ไปหาคาเฟ่เก๋ ๆ นั่งชิล ๆ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ เพื่อดับร้อน บอกเลยว่าย่านซองซูมีให้เลือกนั่งแบบทำใจเลือกไม่ถูก จะเป็นสไตล์มินิมอล กุ๊กกิ๊กน่ารัก แบบดิบ ๆ หรือเน้นไปที่เมนูเด็ดของร้าน รวมอยู่ที่อดีตย่านโรงงานทำรองเท้าเก่าที่ได้ชื่อว่าเป็นบรูคลินแห่งกรุงโซลแห่งนี้ทั้งหมด จะเป็นร้านอันเยิน (Onion) ขนมปังเกลือร้านจายอนโดที่มาร์คต้วนยังไปซื้อกิน ที่มีร้านใหม่เพิ่มเติมของเจ้าของเดียวกันเป็นร้านขนมปังหน้าหมีอยู่ห่างกันไม่ไกล บอกเลยว่าไม่ใช่แค่หน้าตาชวนให้จ่ายเงินซื้อแต่ยังอร่อยด้วย รวมถึงดิออร์ ป๊อป อัพ สโตร์ ร้านสุดเก๋แบรนด์ดังที่แค่ผ่านไปถ่ายรูปด้านนอกก็คุ้มแล้ว
ออกไปแถวอินชอนไม่ไกลจากสนามบิน อินสไปร์ รีสอร์ท (Inspire Resort) เป็นรีสอร์ทข้างสนามบินแห่งใหม่ที่เรียกว่าเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ก็ว่าได้ เพราะมีทั้งโรงแรมที่พัก สวนน้ำ ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และคาสิโนขนาดย่อม ๆ อยู่ในที่เดียวกัน ถือเป็นสถานที่พักผ่อนของเหล่าครอบครัวชาวเกาหลีที่หอบหิ้วลูกเด็กเล็กแดงมาเที่ยวกันทุกวันเสาร์อาทิตย์ แบบใครไม่มีเด็กมาด้วยเลยถือว่าแปลก แอบกระซิบที่นี่มีคลินิกศัลยกรรมตั้งอยู่ด้วย คลินิกที่ว่าเชี่ยวชาญด้านการเก็บเหนียงที่คอโดยเฉพาะ มาแล้วได้กลับไทยแบบคอตึงไร้รอยเหี่ยวย่น
ที่อินชอนยังมีคาเฟ่ริมทะเลที่เป็นสไตล์ร้านชาแบบโบราณ “ชาด็อกบุน” (Cha Duck bun) เสิร์ฟชาแบบจัดเต็มมาทั้งกาน้ำร้อน และชุดชงชา ให้ผู้มาลิ้มลองได้เปิดประสบการณ์ชงชาด้วยตัวเอง ทานแกล้มกับขนมโบราณหลากหลาย พร้อมกับชมวิวทะเลที่อยู่เบื้องหน้า ไม่เพียงเท่านั้นที่อินชอนแถบที่อยู่เลยขึ้นไปใกล้แนวเขตเกาหลีเหนือ-ใต้ที่เกาะคังฮวา มีย่านชุมชนเก่าแก่ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ “กึมพุง บริวเวอรี” (Geumpung Brewery) โรงงานมักกอลลีเก่าแก่อายุเกือบร้อยปี ที่วันนี้เจ้าของรุ่นที่ 3 ไม่ใช่เพียงยังผลิตมักกอลลีสูตรดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมทั้งเปิดโรงงานให้ผู้มาเยือนได้ทำความรู้จักกับเครื่องดื่มพื้นบ้านนี้แบบใกล้ชิดด้วยการทำมักกอลลีของตัวเองอีกด้วย