FTREIT เดินหน้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ 1,920 ล้านบาท ดันพอร์ตทรัพย์สินแตะ 5.2หมื่นลบ.
FTREIT โชว์ผลงานแกร่ง 9 เดือนแรก ทำรายได้ทะลุ 3 พันล้านบาท แรงหนุนดีมานด์เช่าโรงงานและคลังสินค้าสูงอย่างต่อเนื่อง ผู้ถือหน่วยอนุมัติงบ 1,920 ล้านบาทเข้าลงทุนทรัพย์สินใหม่ ดันพอร์ตทรัพย์สินรวมเพิ่มเป็น 52,700 ล้านบาท
กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - มิถุนายน 2568) โดยมีรายได้รวมสูงถึง 3,161.9 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 2,106.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% นอกจากนี้ยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับไตรมาส 3 ที่ 0.1930 บาท ต่อหน่วยทรัสต์ ทำให้ยอดรวมเงินปันผลตลอด 3 ไตรมาสอยู่ที่ 0.5690 บาท ต่อหน่วยทรัสต์
นายภูมภาร อรุณธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ FTREIT เปิดเผยว่า การเติบโตของกองทรัสต์มาจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ขยายตัว และการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนจากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่พุ่งสูงถึง 1 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพของภาคการผลิตและโลจิสติกส์ของไทย
แม้จะมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีการค้าที่ทำให้ผู้ประกอบการบางรายชะลอการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ความต้องการเช่าโรงงานและคลังสินค้ายังคงสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ใช้เงินน้อยกว่า ส่งผลให้ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเติบโต ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้ FTREITรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยไว้ในระดับสูงที่ 90% ในช่วง 9 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง FTREITเตรียมเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่ของกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ด้วยมูลค่าการลงทุน 1,921.6 ล้านบาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนประกอบด้วยกรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคารโรงงาน และคลังสินค้า รวม 36 ยูนิต พื้นที่เช่ารวม 78,075 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์
ภายหลังการเข้าลงทุนครั้งนี้จะทำให้ FTREITมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 745 ยูนิต มีพื้นที่ให้เช่ารวม 2.37 ล้านตารางเมตร และมูลค่าทรัพย์สินรวมในพอร์ตโฟลิโอจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 52,700 ล้านบาท โดยมีแผนจะเริ่มโอนทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ภายในเดือนกันยายน 2568 และจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568
นายภูมภารย้ำว่า กองทรัสต์จะยังคงบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอภายใต้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อรักษาผลการดำเนินงานที่มั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนในระยะยาว