‘บางกอกแอร์เวย์ส’ ปักธงอัปเกรดสนามบินตราด รับผู้โดยสารโต
'บางกอกแอร์เวย์ส' ลุยนำแอร์บัส A319 ให้บริการเส้นทาง 'กรุงเทพฯ-ตราด' หนุนฮับการบินภาคตะวันออกรองรับการเติบโตเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยว พร้อมอัปเกรดสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่รับผู้โดยสารพุ่ง ปักหมุดต.ค.นี้ บินวันละ 3 ไฟลต์
2 ก.ย.2568 - นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยภายหลังร่วมเดินทางในเที่ยวบินพิเศษ แอร์บัส A319 เส้นทาง กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ)-ตราด-กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ซึ่งเป็นเที่ยวบินสาธิต ก่อนที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จะนำเครื่องบินขนาดประมาณ 140 ที่นั่งมาให้บริการในเส้นทางนี้เพิ่มเติม และเป็นเครื่องยืนยันว่าขณะนี้ท่าอากาศยานตราด สามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ขึ้นได้แล้วอย่างปลอดภัย จากเดิมที่รองรับได้เพียงเครื่องบินใบพัด ประมาณ 70 ที่นั่ง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเริ่มนำเครื่องบินขนาด 140 ที่นั่งมาให้บริการที่ท่าอากาศยานตราดเมื่อใด ซึ่งปัจจุบันให้บริการด้วยเครื่องบินใบพัด ATR72-600
อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ปี 2562 มีสายการบินต่างประเทศ อาทิ สายการบินจากจีน สนใจจะทำการบินมาที่ท่าอากาศยานตราด แต่ในขณะนั้นสนามบินยังไม่สามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ได้ ทางบริษัทฯ จึงดำเนินการขยายทางวิ่ง(รันเวย์) จากขนาด 1,800 เมตร เป็น 2,000 เมตร ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นได้แล้ว อย่างไรก็ตามการขยายรันเวย์เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานตราด ระยะ(เฟส) ที่ 1 วงเงินรวม 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประกอบด้วย การขยายรันเวย์, การสร้างลานจอดอากาศยาน รองรับเครื่องบินไอพ่นขนาดเล็ก-กลาง (A320, A319, 8737, B717, ERJ45) ได้สูงสุด 3 ลำ หรือรองรับเครื่องบินใบพัด (ATR72, YS-1) 2 ลำ ร่วมกับเครื่องบินไอพ่นขนาดกลาง 2 ลำได้ในเวลาเดียวกัน และการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ขยายพื้นที่จาก 2,100 ตารางเมตร(ตร.ม.) เป็น 3,400 ตร.ม. เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารสูงสุดได้ 2.5 แสนคนต่อปี จากปัจจุบันรองรับได้ประมาณ 1 แสนคนต่อปี
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในเฟสที่ 1 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2569 (ก.ค.-ก.ย.2569) จากนั้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาฯ เฟสที่ 2 ได้ประมาณปลายปี 2569 ประกอบด้วย ขยายลานจอดอากาศยาน และสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ โดยอยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารหลังเดิมประมาณ 400 เมตร ยังคงอยู่ภายในพื้นที่ท่าอากาศยานตราด ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1,300 ไร่ ไม่ต้องจัดหาที่ดินเพิ่มเติม เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังเดิมใช้สำหรับรองรับการขนส่งสินค้า
สำหรับสนามบินตราด เป็นหนึ่งในสนามบินของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพ เนื่องจากจังหวัดตราดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคตะวันออก และเป็นที่นิยมของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบางกอกแอร์เวย์ส เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยครึ่งปีแรก ปี 2568 มีผู้โดยสารแล้วกว่า 40,427 คน และคาดว่าฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น) ที่จะถึงในเดือน ต.ค.2568 จะมีนักท่องที่ยวเพิ่มขึ้น โดยสิ้นปี 2568 คาดสนามบินตราด มีผู้โดยสารประมาณ 8-9 หมื่นคน
อย่างไรก็ตาม โครงการพัฒนาสนามบินตราด จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน รองรับการขยายเครือข่ายเส้นทางบินใหม่ในอนาคต ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม และเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยวที่มีความต้องการในการเดินทางสูง อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และตอบสนองความต้องการในการเชื่อมต่อผู้โดยสารจากสายการบินพันธมิตรได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังเป็นการปูทางรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศของสายการบินอื่นในอนาคต ซึ่งจะยกระดับสนามบินตราดสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคตะวันออกในอนาคตด้วย
นายพุฒิพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับท่าอากาศยานตราด ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด บนพื้นที่กว่า 1,600 ไร่ ห่างจากตัวเมืองตราด ประมาณ 35 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือเฟอร์รี่เกาะช้างเพียง 17 กม. นับเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของการท่องเที่ยวฝั่งตะวันออก โดยสายการบินบางกอกแอร์วย์สให้บริการเที่ยวบินประจำ กรุงเทพฯ (สุวรรรณภูมิ) - ตราด (ไป-กลับ) วันละ 2 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบิน ATR72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง และจะเพิ่มความถี่เป็นวันละ 3 เที่ยวบินตั้งแต่เดือน ต.ค. 2568 เพื่อรองรับการเดินทางช่วงไฮชีชั่น