เข้าใจภาพรวม Ethereum ตอนนี้ เปิด 3 ปัจจัยที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้?
ที่ผ่านมาเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ถือ Ethereum ไม่น้อย เพราะได้มีการปรับตัวจากระดับต่ำสุดที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปแตะ All Time High ที่ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ล่าสุด ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2025 มูลค่าของ ETH อยู่ที่ 4,300 ดอลลาร์สหรัฐ จนเกิดเป็นคำถามที่ว่า “Ethereum โอกาสยังมี หรือหมดเวลาแล้ว?”
ตามที่ วรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุนของ Merkle Capital ผู้ดำเนินธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ได้เปิดเผยระหว่างงานสัมมนาเกี่ยวกับ Ethereum ชี้ว่า “จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา คริปโตเคอร์เรนซีต่าง ๆ ปรับตัวกันขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยจะมีปัจจัยหลัก ๆ อยู่หลายประการ โดยเฉพาะ Ethereum ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนทั่วโลกในเวลานี้”
นักลงทุน 2 กระเป๋า: จากรายย่อยล้วน สู่สถาบันมาร่วมวง
วรเมธ จันทร์เสน อธิบายว่า ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของ Bitcoin คือช่วงราว ๆ 2010-2020 ตลาดคริปโตฯ นี้มีแค่นักลงทุนกลุ่มเดียว คือ นักลงทุนสายคริปโต ที่เชื่อ ศึกษา และสะสมกันเอง แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างให้ตลาดในช่วงนี้ คือการเข้ามาของสถาบัน ทั้งกองทุน สถาบันการเงิน และบริษัทมหาชนเริ่มทยอยเข้ามา ทำให้โครงสร้างตลาดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เงินจากสถาบันนี้ ไม่เคยเข้ามาในตลาดคริปโตฯ อย่างจริงจังมาก่อน แต่ตอนนี้เริ่มมีการเปิดใจ และเข้ามาลงทุนด้วยเม็ดเงินที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน ซึ่งหมายความว่าโอกาสของรอบนี้ยังไม่หมดไป แม้ ETH จะเพิ่งแตะ 4,800 ดอลลาร์ แต่เพดานการเติบโตยังสูงอยู่
หรือกล่าวง่าย ๆ ประตูบานใหม่เพิ่งจะเปิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา Inflow เงินทุนที่ไหลเข้า Ethereum ETF ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) เป็นเครื่องยืนยันว่าเม็ดเงินสถาบันกำลังเข้าซื้อ ETH อย่างจริงจัง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการปรับดอกเบี้ยของ Fed อย่างใกล้ชิดในไตรมาส 4 ปีนี้ และหากเกิดขึ้นจริง มีการปรับลดดอกเบี้ย สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยง แม้อาจมีความผันผวนระยะสั้นจากความไม่แน่นอน แต่แนวโน้มระยะกลางและยาวยังถือว่าเป็นบวกต่อตลาดคริปโตฯ
กฎระเบียบที่ปรับเปลี่ยน
Ethereum ยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านกฎหมายและโครงสร้างตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในกฎหมายสำคัญคือ “Genius Act” ที่เอื้อให้การใช้ Stablecoin มีความโปร่งใสและสะดวกขึ้น ถือเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงต่อระบบนิเวศดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ความชัดเจนในสถานะของ Ethereum ที่ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหลักทรัพย์ (Security) ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการลงทุนระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงทางกฎหมาย
และอีกหนึ่งปัจจัยที่เสริมเสน่ห์ของ Ethereum คือการสร้างผลตอบแทนจากการ Staking อยู่ที่ราว 3-4% ต่อปี ซึ่งถือเป็น Yield ที่น่าสนใจอย่างมากในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อมีการพัฒนา Ethereum ETF ที่รวม Yield เข้ามาด้วย ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดกระแสเงินลงทุนขนาดใหญ่
วรเมธ จันทร์เสน ยกตัวอย่างว่า “สิ่งนี้เหมือนกับที่ Gold ETF เคยสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก” ล่าสุดข้อมูลยังชี้ว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าผ่าน Ethereum ETF ทำสถิติสูงสุดใหม่ สะท้อนถึงการยอมรับที่กว้างขึ้นทั้งจากนักลงทุนรายใหญ่และตลาดโลกโดยรวม
บริษัทใหญ่เริ่มสะสม Ethereum
ความน่าสนใจในตลาด Ethereum อีกอย่างหนึ่งคือ การที่บริษัทใหญ่ ๆ เริ่มที่จะเก็บสะสม Ethereum เป็น Corporate Reserve แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะเห็นตัวอย่างจากบริษัท Strategy ที่ทยอยซื้อ Bitcoin ต่อเนื่องตลอดหลายปี จนตอนนี้ถือเป็นบริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin มากที่สุดในโลก และตอนนี้โมเดลนี้ก็เริ่มเห็นในการถือ Ethereum แล้ว
โดยมี Bitmine และ Sharplink เป็น 2 บริษัทที่เริ่มต้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Bitmine ที่ตั้งเป้าเก็บสะสมถึง 5% ของ Supply Ethereum ทั้งหมด หรือราว 6 ล้าน ETH ซึ่งในปัจจุบันเก็บแล้ว 1.5 ล้าน ETH ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ตัวเลขดังกล่าวมากกว่าการถือครองของ Ethereum Foundation หลายเท่า
บวกกับช่วงที่ราคา Ethereum ร่วงลงมา ทำให้ทาง Ethereum Foundation เทขายเหรียญออกไปมหาศาล ทั้งนี้บริษัทฯ มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการถือสินทรัพย์นี้จริง ๆ ได้ถือครอง แนวโน้มนี้สะท้อนว่า Ethereum ไม่ได้ถูกมองเพียงสินทรัพย์เก็งกำไร แต่ถูกยกระดับเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์สำหรับองค์กรในอนาคต
ในช่วงท้าย วรเมธ จันทร์เสน ได้กล่าวว่า ปัจจุบัน Bitcoin มีมูลค่าตลาดติด Top 7 ของโลก แซงหน้าเงิน (Silver) และบางบริษัทเทคโนโลยีไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Market Share ของ Ethereum ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ 7% ไปเป็น 14% และยังมีโอกาสกลับไปแตะระดับสูงสุดเดิมที่ 22% หรือมากกว่า
ดังนั้น Ethereum จึงไม่ได้เป็นเพียงคู่แข่ง แต่กำลังกลายเป็น “สินทรัพย์หลัก” เคียงคู่ Bitcoin บนเวทีโลก
หมายเหตุ: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เข้าใจภาพรวม Ethereum ตอนนี้ เปิด 3 ปัจจัยที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทำไมบิตคอยน์ถึงโตจาก 0 สู่สินทรัพย์อันดับต้นของโลก? Asset ที่คนธรรมดาเข้าถึงได้ก่อนนักลงทุนสถาบัน
- Standard Chartered ปรับเป้า Ethereum สิ้นปีลุ้นแตะ 7,500 ดอลลาร์ รับแรงหนุน Stablecoin โต
- ย้อนอดีต Tesla ขายหมู เท Bitcoin ทิ้งก่อนเหรียญพุ่ง พลาดกำไรหลายพันล้าน
- Coinbase เปิดตัว ซูเปอร์แอปฯคริปโต ขยายฐานผู้ใช้ จากแค่ลงทุน สู่การใช้งานจริง
- “บิตคอยน์” ไม่ใช่แค่การลงทุน แต่คือแนวคิดใหม่ระบบการเงิน ทำความเข้าใจพื้นฐานโลกสินทรัพย์ดิจิทัล
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath