ครม. อนุมัติโอนงบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท เข้างบกลางฉุกเฉินสำรองจ่าย
วันนี้ (26 ส.ค. 2568) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (โครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ) ตามที่ครม. มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการใช้วงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ) ส่วนที่เหลือ
นายพิชัย กล่าวว่า พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กำหนดวงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จำนวน 187,700 ล้านบาท โดยมีโครงการที่ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ได้แก่ 1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ วงเงิน 40,000 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน 30,434 ล้านบาท และนำเงินจัดสรรส่งคืนเงินแล้ว จำนวน 531 ล้านบาท 2. ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ รวม 8,939 รายการ วงเงิน 115,375.2715 ล้านบาท และ 3. ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 วงเงินไม่เกิน 18,488.3679 ล้านบาท
ดังนั้น เมื่อพิจารณางบประมาณคงเหลือจากการดำเนินการและอนุมัติเงินจัดสรรข้างต้น คาดว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จะคงเหลือประมาณ 26,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณการจัดทำโครงการโดยใช้จ่ายจากงบกลาง รายการดังกล่าว มีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อหนี้ผูกพันที่อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย. 2568 ซึ่งจะส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่เหลืออยู่พับไปโดยผลของกฎหมาย
ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าวที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ผู้อำนวยการงบประมาณสามารถโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับการโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ มาสมทบงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อีกจำนวน 26,000 ล้านบาท จะทำให้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มขึ้นจาก 96,556.7103 ล้านบาท คิดเป็น 2.57% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นจำนวน 122,556.7103 ล้านบาท คิดเป็น 3.27% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะทำให้เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ส่วนที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป