ส่งออกข้าวลดลง 25% ยอด 7 เดือน เหลือ 4.3 ล้านตัน มูลค่าหาย 35%
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่ายอดส่งออกข้าว 7 เดือนของปี 68 (ม.ค.-ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวได้ 4.30 ล้านตัน ลดลง 25.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 5.74 ล้านตัน และมีมูลค่า 86,412.72 ล้านบาท ลดลง 35.35% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 133,663 ล้านบาท ซึ่งการส่งออกที่ลดลงมีสาเหตุจากผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอินเดียที่กลับมาส่งออกตามปกติ และคาดว่ามีผลผลิตกว่า 150 ล้านตัน รวมถึงการลดลงของความต้องการนำเข้าข้าวจากประเทศผู้นำเข้าอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประกอบกับค่าเงินบาทที่ผันผวนและแข็งค่าขึ้นยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการส่งออก
ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมการส่งออกลดลง แต่ไทยยังสามารถขยายตลาดไปยังตลาดจีน สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ รวมทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรปได้เพิ่มขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว และข้าวกล้อง เป็นชนิดข้าวที่มีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ข้าวที่มีปริมาณส่งออกลดลง คือ ข้าวขาว และข้าวหอมไทย ที่มีการแข่งขันสูงทางด้านราคากับผู้ส่งออกสำคัญอย่างเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน
ส่วนกรณีสหรัฐ จัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ 19% นั้น ข้าวไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย ยังคงมีราคาแข่งขันได้กับข้าวหอมเวียดนาม ซึ่งถูกเก็บภาษีในอัตรา 20% และจากตัวเลขส่งออกข้าวไทยไปยังสหรัฐ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวสูงขึ้นถึง 4.26% จึงคาดว่าการส่งออกข้าวไปสหรัฐ จะยังคงมีปริมาณใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 800,000 ตัน โดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิไทยประมาณ 600,000 ตัน ขณะที่การระงับการนำเข้าข้าวเป็นการชั่วคราวของฟิลิปปินส์ 60 วัน เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดการค้าข้าว โดยในปีนี้ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ 160,000 ตัน คิดเป็น 3.72% ของการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด
“กรมฯ พยายามเร่งเจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับคู่ค้า และในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี 68 กรมฯ จะเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาด โดยได้หารือร่วมกับภาคเอกชนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าว และผลักดันการส่งออกข้าวให้เป็นไปตามที่ได้ประเมินไว้ที่ 7.5 ล้านตัน โดยเฉพาะการตกลงซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับรัฐบาลจีนที่ยังเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน และขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยัง ซาอุดีอาระเบีย และอิรัก”