‘สมศักดิ์’ เผย จ่อคุมเข้ม ‘กระท่อม’ ห้ามต้มผสมยาแก้ไอ ขายข้างทาง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ครั้งที่ 7/2568 โดยมี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ศาสตราจารย์บรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เข้าร่วม ที่สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กระทรวงสาธารณสุข
โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการวันนี้ ที่ประชุมได้รายงานผลสำรวจสุขภาพคนไทย โดยมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ และสอดคล้องกับนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุข กำลังขับเคลื่อน แต่การสำรวจยังไม่ใช่แก่นแกนที่จะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาสุขภาพคนไทยได้โดยตรง ซึ่งจากข้อมูลผู้ป่วยนอก 30 บาท เข้ารักษากว่า 220 ล้านครั้ง โดยป่วยกลุ่มโรค NCDs ที่เกิดจากการกินถึง 167 ล้านครั้ง จึงถือได้ว่า NCDs เป็นตัวแม่ที่ทำให้คนไทยป่วย เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากการกิน ดังนั้น เมื่อมีข้อมูลสำรวจที่ละเอียด ก็ต้องมีแนวทางการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม จากข้อมูลพบว่า ประชาชนในพื้นที่อีสาน เป็นเบาหวานมากที่สุด ซึ่งก็ตรงกับข้าวเหนียวที่ประชาชนในพื้นที่เน้นบริโภคมากที่สุด โดยข้าวเหนียว จากการตรวจพบว่า กลายเป็นน้ำตาลสูงมาก ดังนั้น ถ้าสนับสนุนให้เลือกบริโภคข้าว กข.43 ที่กลายเป็นน้ำตาลน้อยกว่า ก็จะช่วยเรื่องเบาหวานได้
นายสมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า การแก้ปัญหาสุขภาพคนไทย ตนก็ได้รณรงค์การนับคาร์บ ซึ่งนับคาร์บได้แล้วกว่า 42 ล้านคน โดยเข้าสู่การักษา 267,847 คน สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 787 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า เมื่อเรารู้ปัญหาสุขภาพคนไทย ก็เดินหน้าแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ เพื่อช่วยลดการเจ็บป่วย โดยถ้าเราทำให้หลอดเลือดไม่อักเสบจากการกินได้ ก็จะทำให้สุขภาพดี อายุยืน ซึ่งถ้าทำเรื่องนี้ได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาสาธารณสุขได้ทั้งหมด ทั้งบุคลาการขาดแคลน ลดความแออัดในโรงพยาบาล และประหยัดงบประมาณในการรักษา ทั้งนี้ จากการรับฟังรายงานสุขภาพคนไทย ยังมีปัญหาเรื่องกัญชา ที่พบว่า มีเด็กอยากไปทดลองจำนวนมาก รวมถึงเรื่องกระท่อม โดยตนเป็นผู้ทำให้กระท่อมถูกกฎหมาย แต่วันนี้ ประชาชนเข้าใจว่ากระท่อมเป็นพิษต่อร่างกาย ตนจึงได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อไม่ให้ต้มกระท่อมขายข้างทาง ซึ่งกระท่อม มีของดีในตัวจำนวนมาก แต่คนเอามาต้มขาย ผสมกับยาแก้ไอ จึงกลายเป็นของเสีย ดังนั้น จากนี้ ก็จะห้ามไม่ให้มีการต้มขายข้างทางแล้ว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณี นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา เสนอร่าง พ.ร.บ.กำหนดชั่วโมงการทำงานบุคลากรทางการแพทย์ว่า ตนพร้อมรับฟังแนวทางต่างๆ รวมถึงกฎหมายที่จะผลักดัน หรือจะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็จะมีคณะกรรมการช่วยกลั่นกรอง แต่อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขัด และยินดีรับฟัง ซึ่งก็เป็นอีกแนวทางที่ดี
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้กำหนดนโยบายจะมีการดำเนินการอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จริงๆเวลาการทำงานจะปรับจะเปลี่ยนไม่มีปัญหา สิ่งสำคัญต้องอยู่ที่คุณภาพของงาน การให้บริการประชาชน ต้องคิดให้ใคร่ครวญว่า มีประโยชน์อย่างไรกับประชาชน แต่ในเรื่องลดภาระงานนั้น ตนมีนโยบายในเรื่องการป้องกันโรคเป็นสำคัญ เมื่อคนสุขภาพดี ก็จะลดการมาโรงพยาบาล ลดภาระงานได้ทางหนึ่ง โดยการแก้ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนนั้น มีนโยบายหลายอย่างควบคู่กัน อย่างการแก้ปัญหาทางตรง คือ ผลิตเพิ่มแต่ใช้เวลานาน จึงต้องมีมาตรการอื่นๆ อย่างลดผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ซึ่งมีถึง 3 ใน 4 ส่วนของผู้ป่วยนอกทั้งหมด จากการเข้ารักษาตัว หากลดลงก็เบาลง รวมไปถึงการให้บริการที่มองว่า ควรมีมินิคลินิก และการจัดบริการการแพทย์ทางไกล หรือ เทเลเมดิซีน ซึ่งตนได้พบกับ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร หรือ อสส. ก็มีปัญหาเรื่องการรับบริการ ก็จะนำมาช่วยได้ ซึ่งจะแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงใช้หมอเกษียณเข้ามาช่วยโดยดึงเอกชนร่วมลงทุน เป็นต้น