Negative Income Tax เริ่มปี 70 ทุกคนต้องยื่นภาษี รายได้น้อยรับสวัสดิการ
ไทยเตรียมใช้ “Negative Income Tax” ในปี 2570 กำหนดคนไทยทุกคนต้องยื่นภาษีแม้มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลรายได้ โดยผู้มีรายได้สูงต้องเสียภาษีตามปกติ ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับสวัสดิการ
Negative Income Tax คืออะไร
Negative Income Taxหรือภาษีเงินได้ติดลบ โดยกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษีเงินได้กับกรมสรรพากรแม้มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี เพื่อให้สามารถเห็นข้อมูลรายได้ที่แท้จริงและจัดสรรสวัสดิการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหลักการของNegative Income Taxคือ
- ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าเกณฑ์ จะต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลตามปกติ
- ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จะไม่เสียภาษี และจะได้รับเงินโอนจากรัฐบาลแทน โดยเงินที่ได้รับจะถูกพิจารณาจากส่วนต่างระหว่างระดับรายได้ที่ได้รับจริงกับเกณฑ์เงินได้ที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายว่าไทยจะเริ่มใช้Negative Income Taxได้ในปี 2570
ทำไมต้องใช้Negative Income Tax
ในแต่ละปีภาครัฐใช้งบประมาณเพื่อจัดสวัสดิการสังคมมากกว่า 1 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 5% ต่อ GDP ขณะที่การจัดสรรสวัสดิการแต่ละโครงการยังดำเนินการเป็นแบบแยกส่วน และไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลรายได้และสวัสดิการของประชาชน ทำให้การให้สิทธิประโยชน์เกิดความซ้ำซ้อนและใช้งบประมาณมากกว่าที่ควรจะเป็น
ดังนั้นNegative Income Taxจะเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางภาษีที่ให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้มากขึ้นและช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่มีรายได้น้อยที่สมควรได้รับสวัสดิการได้อย่างตรงกลุ่มทำให้ช่วยประหยัดงบประมาณได้
นอกจากนี้ยังเป็นการดึงคนให้เข้าสู่ระบบภาษีได้มากขึ้นเพราะผู้มีรายได้น้อยก็มีแรงจูงใจในการยื่นภาษีเพื่อรับเงินช่วยเหลือขณะที่เมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีแล้วก็สามารถจัดเก็บภาษีได้ทันทีเพราะอยู่ในระบบฐานภาษีอยู่แล้ว
3 เรื่องต้องพิจารณา หากไทยจะใช้Negative Income Tax
จากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3 ปี 2567 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ระบุว่า แม้การนำNegative Income Taxมาปรับใช้จะมีประโยชน์ทั้งกับประชาชนและภาครัฐ แต่ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณา ได้แก่
- การกำหนดวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้ความช่วยเหลือให้มีความชัดเจน บนพื้นฐานบริบทของประเทศไทย
- การกำหนดเกณฑ์รายได้และระดับการช่วยเหลือให้มีความเหมาะสม โดยต้องมีการศึกษาเพื่อให้สามารถกำหนดเกณฑ์รายได้ที่สามารถจูงใจให้คนทำงานเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม รวมถึงต้องมีการทบทวนเกณฑ์เป็นระยะเพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ
- การจัดเตรียมงบประมาณเพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินการ NIT และศึกษาผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและภาระทางการคลัง อาทิ การพิจารณายกเลิกบางมาตรการที่มีความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ โดยรวมการช่วยเหลือเป็นระบบเดียว ควบคู่ไปกับการดึงผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ให้เข้าระบบภาษี พร้อมกับกำหนดบทลงโทษและบังคับใช้อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันแรงจูงใจในการกระทำผิด (Moral hazard)
Negative Income Taxในต่างประเทศ
สิงคโปร์ ใช้ Workfare Income Supplement (WIS) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการออมเพื่อการเกษียณ จึงได้มีการแบ่งเงินช่วยเหลือส่วนหนึ่งสมทบเข้ากองทุน สำรอง เลี้ยงชีพ
สหรัฐอเมริกา ใช้ Earned Income Tax Credit (EITC) มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้มีงานทำอายุ 25 - 65 ปี ที่มีรายได้น้อย และมีหมายเลขประกันสังคมอย่างถูกต้อง ซึ่งการให้ความช่วยเหลือจะคำนึงถึงภาระ การดูแลสมาชิกในครัวเรือน อาทิ การมีบุตร จำนวนบุตร
เกาหลีใต้ ใช้ EITC โดยพิจารณา ทั้งการมีบุตรและจำนวนบุตร ตลอดจนแหล่งที่มาของรายได้ครัวเรือน (ทางเดียว/สองทาง) รวมทั้ง ยังครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มแรงงานอิสระ ซึ่งจะได้ประโยชน์ในระดับที่แตกต่างกันไป
ออสเตรเลีย มีการประยุกต์ใช้ NIT ในรูปแบบภาษีสำหรับครอบครัว (Family Tax Benefit: FTB) เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนรายได้น้อยในการเลี้ยงดูบุตร โดยจำแนกระดับความช่วยเหลือตามจำนวนบุตร อายุบุตร ตลอดจนลักษณะของครัวเรือน (ครัวเรือนสมบูรณ์/พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว)
ที่มา : กระทรวงการคลัง, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)