โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘ดร.สุวินัย’ ให้นิยาม ‘ลุงตู่’ คือผู้ตรึงประเทศกลางความปั่นป่วน แม้ไม่เด่นทุกเรื่อง แต่ช่วยไม่ให้แตกแยก–ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างมหาอำนาจ

THE STATES TIMES

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Hard News Team

(8 ส.ค. 68) รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงการทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ความจริงหนึ่งเดียวของ ลุงตู่

ในโลกแห่งการเมือง… “ความจริง” มักถูกห่อหุ้มด้วยโฆษณาชวนเชื่อของทุกฝ่าย
แต่ความจริงแท้มีเพียงหนึ่งเดียว …มันไม่ขึ้นกับว่าผู้คนรักหรือชังใคร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “ลุงตู่” ในสายตาประชาชน คือบุคคลที่ถูกตีความอย่างสุดขั้วทั้งสองด้าน
เขาเป็นทั้ง “ผู้รักษาเสถียรภาพ” และ “จำเลยทางการเมือง” ในเวลาเดียวกัน
บทความนี้มิได้เขียนเพื่อยกย่อง หรือเพื่อประณาม หากแต่เพื่อมองให้ทะลุเปลือกแห่งภาพลักษณ์ และเข้าถึงแก่นแท้ของสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เพราะในห้วงเวลาที่ประเทศเดินอยู่บนเส้นเชือกบางเฉียบระหว่าง ความมั่นคงกับการเปลี่ยนแปลง …ความจริงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นเข็มทิศให้เรามองย้อนอย่างเที่ยงตรง

บทความนี้เราจะจำแนกเป็นสองส่วน
คือ (1) รีวิวผลงานเชิงข้อเท็จจริง และ (2) วิเคราะห์คุณูปการเชิงประวัติศาสตร์–ยุทธศาสตร์ เพื่อให้ครบทั้งภาพบันทึกเหตุการณ์และภาพตีความเชิงลึก
1. รีวิวผลงานเชิงข้อเท็จจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี
(ดำรงตำแหน่ง 2557–2566 รวม 9 ปี)

1.1 ด้านความมั่นคง
- ยุติความรุนแรงทางการเมืองชั่วคราว หลังรัฐประหาร 2557 ทำให้สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดการเผชิญหน้าใหญ่ในกรุงเทพฯ ถูก “หยุดเกม” ได้ในระยะสั้น
- รักษาความสงบในช่วงเปลี่ยนผ่าน แม้ถูกวิจารณ์ว่าจำกัดเสรีภาพและใช้กฎหมายพิเศษบ่อย แต่ก็ทำให้ไทยไม่แตกเป็นสองรัฐหรือเข้าสู่สภาพสงครามเมือง (civil conflict)
- การจัดการชายแดน มีช่วงที่สร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านเพื่อคุมปัญหาค้ามนุษย์และยาเสพติดได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในพม่าและลาว

1.2 ด้านการทูต
- วางตัว “บาลานซ์เกม” ระหว่างมหาอำนาจ — รักษาความสัมพันธ์กับจีน (Belt and Road, รถไฟความเร็วสูง) และสหรัฐ (Cobra Gold, ความร่วมมือทางทหาร) พร้อมกัน
- ไทยไม่ตกเป็นฐานทัพถาวรของฝ่ายใด แม้ถูกกดดันจากทั้งสองขั้ว
- มีบทบาทเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนและเวทีระดับโลก (APEC 2022) แม้บทบาทเชิงนโยบายอาเซียนจะไม่เด่นเหมือนยุคชาติชายหรืออานันท์

1.3 ด้านเศรษฐกิจ
- ดัน EEC (Eastern Economic Corridor) เป็นเมกะโปรเจ็กต์หลัก เพื่อดึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมใหม่
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ, ถนน, สนามบิน, ท่าเรือ) ต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจโลกผันผวน
- รับมือโควิด-19 ได้ในระยะแรกดีมาก (ไทยเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลกที่ควบคุมได้ในปี 2020) แต่การฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิดกลับช้ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค

1.4 ด้านการบริหารวิกฤติ
- โควิด-19: สร้างระบบสาธารณสุขเฉพาะกิจที่ยืดหยุ่น เช่น Hospitel, ระบบกระจายวัคซีน แต่ถูกวิจารณ์เรื่องความล่าช้าและการจัดหาวัคซีนช่วงแรก
- ภัยพิบัติ: ใช้กองทัพเข้าช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วม–ภัยแล้งได้รวดเร็วในหลายครั้ง แต่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การจัดการน้ำ ยังคงมีข้อจำกัด

2. วิเคราะห์คุณูปการเชิงประวัติศาสตร์–ยุทธศาสตร์
2.1 รักษาเสถียรภาพทางการเมืองในช่วงรอยแยก
จุดแข็งที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ การคุมเสถียรภาพในช่วงที่ระบบการเมืองปกติ “ล้มเหลวในการควบคุมตัวเอง”
ในปี 2557 ประเทศเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ รัฐล้มเหลวเชิงการเมือง (Political Collapse) — การเข้ามาของเขาทำให้เกิด “รัฐบาลรวมศูนย์” ที่ปิดเกมความรุนแรงระยะสั้นได้
แม้จะเป็นการใช้วิธี “แช่แข็งการเมือง” แต่ก็ทำให้ไทยมีเวลาฟื้นตัวจากการปะทะกันบนท้องถนน

2.2 ป้องกันไทยไม่ตกเป็น “เบี้ยล่างมหาอำนาจ” แบบชัดเจน
ในยุคที่จีนขยายอิทธิพลในภูมิภาค และสหรัฐพยายามดึงพันธมิตรกลับเข้าสายตะวันตก ประยุทธ์เลือกเดินสายกลาง ไม่ผูกขาดกับฝ่ายใด
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ไทยไม่ถูกดึงเข้าเป็นสนามรบของมหาอำนาจในช่วง 2014–2022 แม้แรงกดดันจะมีตลอด
การรักษาสมดุลนี้ทำให้ไทยยังมี “พื้นที่ต่อรอง” (Bargaining Space) ในเวทีโลก

2.3 วางรากฐานโครงสร้างพื้นฐาน–ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
EEC อาจเป็นโครงการที่ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้า แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ไทยกำหนด “เขตยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพิเศษ” พร้อมกฎหมายสนับสนุนระยะยาว
การต่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน (รถไฟฟ้า, ท่าเรือ, ถนน, ดิจิทัล) ทำให้ไทยมีศักยภาพรองรับการลงทุนต่อเนื่องในทศวรรษหน้า
อย่างไรก็ดี การกระจายผลประโยชน์สู่ต่างจังหวัดยังทำได้ไม่เต็มที่

2.4 สร้างบทเรียนทางการเมืองให้สังคม
9 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สังคมไทยเห็นทั้ง ข้อดีของความมั่นคงทางการเมือง และ ข้อจำกัดของการขาดระบบตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ
เขาเป็น “ตัวอย่างจริง” ของข้อถกเถียงว่า "เสถียรภาพโดยไร้พลวัตเชิงโครงสร้าง" อาจไม่พอให้ประเทศแข่งขันในระยะยาว
นี่คือมรดกทางการเมืองที่สังคมไทยต้องนำไปคิดต่อว่าจะผสม “เสถียรภาพ” กับ 'พลวัต' ให้ลงตัวอย่างไร

3. สรุปคุณูปการแบบกระชับ
ข้อดี: คุมเสถียรภาพการเมือง, รักษาสมดุลมหาอำนาจ, วางโครงสร้างพื้นฐาน–EEC, บริหารวิกฤติใหญ่ได้ระดับหนึ่ง

ข้อจำกัด: เศรษฐกิจโตต่ำต่อเนื่อง, การปฏิรูปเชิงโครงสร้างไม่คืบ, ขาดนวัตกรรมทางนโยบาย, ระบบตรวจสอบอ่อนแอ
คุณูปการเชิงยุทธศาสตร์: เขาคือ “นายกฯ ในยุคกันชน” …กันประเทศไม่ให้แตกภายใน และกันไม่ให้ถูกดูดเข้าเป็นเบี้ยล่างมหาอำนาจ ก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคสงครามตัวแทนเต็มรูปแบบ

บทสรุป
“ความจริงหนึ่งเดียว” ของลุงตู่ คือ เขาคือ “นายกรัฐมนตรีในยุคกันชน” ที่ช่วยกันประเทศไม่ให้แตกภายใน และช่วยกันไม่ให้มหาอำนาจภายนอกใช้เราเป็นเบี้ยล่างในเกมสงครามตัวแทน เขาอาจไม่ใช่ผู้นำที่สร้างการเติบโตพุ่งทะยาน หรือปฏิรูปโครงสร้างได้สำเร็จดังฝันของใครหลายคน แต่ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองเสี่ยงล่มสลายจากการเผชิญหน้าและการแทรกแซง …เขาสามารถตรึงประเทศให้อยู่รอดได้ นี่คือความจริงหนึ่งเดียวที่ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้

เมื่อพ้นยุคของเขาไป เราอาจยังถกเถียงกันไม่จบว่าลุงตู่ “ดี” หรือ “เลว”
ทว่าประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ว่า ในทศวรรษแห่งความปั่นป่วนนี้ เขาคือ ผู้นำ ที่ยืนเป็นกันชนให้ชาติไทย
และนั่นคือความจริงหนึ่งเดียวที่แม้ผู้ที่รักเขาหรือผู้ที่ชังเขาก็ปฏิเสธไม่ได้

ข้อคิดเชิงยุทธศาสตร์สำหรับผู้นำหลังยุคลุงตู่
เพื่อเชื่อมกับภาพใหญ่ของสถานการณ์สงครามตัวแทนปัจจุบัน โดยมองทั้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์และการบริหารภายใน

1. เข้าใจภูมิรัฐศาสตร์ใหม่: โลกแบ่งขั้วแต่เชื่อมโยงกัน
โลกวันนี้ไม่ใช่สงครามเย็นแบบเก่า แต่คือ สงครามเย็น 2.0 ที่เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และข้อมูลข่าวสารเชื่อมกันอย่างแยกไม่ขาด
ผู้นำรุ่นต่อไป ต้องอ่านเกมมหาอำนาจออกว่า เมื่อใดต้องเงียบ เมื่อใดต้องขยับ และต้องรักษา 'พื้นที่ต่อรอง' (Bargaining Space) ของไทยไว้ให้ได้
หลักง่าย ๆ คือ อย่าเป็นเบี้ย และอย่าเป็นม้า — ต้องเป็นผู้วางกระดานเองในภูมิภาคที่เราอยู่

2. เสถียรภาพต้องมาคู่กับพลวัต
ยุคลุงตู่สอนเราว่าเสถียรภาพสามารถยืดอายุประเทศได้ แต่ถ้าขาดพลวัต เศรษฐกิจและสังคมจะนิ่งเกินไปจนเสียจังหวะ
ผู้นำรุ่นต่อไป ต้องไม่เลือกข้างระหว่างเสถียรภาพกับการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องบูรณาการ ผสมสองสิ่งนี้ให้เดินคู่กัน — เสถียรภาพในความมั่นคง แต่พลวัตในเศรษฐกิจและนวัตกรรม

3. สร้างระบบต้านแรงกระแทก (Shock Absorber) ของชาติ
วิกฤติรอบหน้าอาจไม่ใช่การเมืองหรือโรคระบาด แต่เป็น สงครามตัวแทน, การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน, หรือภัยไซเบอร์ขนาดใหญ่ ไทยต้องมีระบบเตือนภัยและแผนสำรองระดับชาติที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่เอกสารวางตู้

4. คืนศูนย์กลางให้ภูมิภาค
ไทยเคยเป็นผู้นำอาเซียนในเชิงนโยบาย (ยุคชาติชาย–อานันท์–อภิสิทธิ์) แต่ยุคหลังเราแทบหายไปจากบทบาทนี้
ผู้นำรุ่นใหม่ ต้องทำให้ไทยกลับมาเป็น 'สะพานเจรจา' ของอาเซียนและมหาอำนาจ เพื่อใช้เวทีภูมิภาคเป็นเกราะคุ้มกันผลประโยชน์ของเรา

5. สร้างทุนทางสังคมควบคู่ทุนเศรษฐกิจ
ความขัดแย้งทางการเมืองที่กินลึกทำให้ 'ทุนทางสังคม' ของไทยสึกกร่อนไปมากแล้ว
การฟื้นความเชื่อใจระหว่างรัฐ–ประชาชน และระหว่างกลุ่มความคิดต่าง ๆ คือเงื่อนไขสำคัญของการอยู่รอดในสงครามตัวแทน
เศรษฐกิจฟื้นได้ใน 5–10 ปี แต่ถ้าสังคมแตกแยกแบบนี้ อาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วคน

สรุปสาระสำคัญ:
ผู้นำหลังยุคลุงตู่จะต้องก้าวพ้นบทบาท 'กันชน' และกลายเป็น 'ผู้ขับเคลื่อน'
ไม่ใช่เพียงป้องกันประเทศไม่ให้ล้ม แต่ต้องขับพาประเทศเข้าสู่ตำแหน่งที่เหนือกว่าในกระดานใหญ่ของโลก ในยุคสงครามตัวแทน ความอยู่รอดไม่ใช่ชัยชนะ แต่ชัยชนะคือการใช้วิกฤติเป็นจังหวะสร้างพลังใหม่ให้ชาติต่างหาก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STATES TIMES

ห่วงโลกจะร้อนแล้ง น้ำจะแห้งจะเหือดหาย แผ่นดินจะมลาย และส่ำสัตว์จะสิ้นสูญ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศึกแห่งศักดิ์ศรี!! ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เตรียมปะทะ กัมพูชา รายการชิงแชมป์อาเซียน 2025 คิกออฟ 16.30 น. เสาร์นี้ (9 ส.ค.)

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

‘ปลอดประสพ’ วิเคราะห์ทำไม ‘ฮุนเซน’ ต้องสร้างเรื่องทะเลาะไทย

ไทยโพสต์

เปิดสาเหตุ ม. รามคำแหงถอนปริญญา ฮุน เซน

มุมข่าว

ช่อ ชี้ภารกิจจักรวาล ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ต้องสื่อสารประชาคมโลก ไม่ใช่แค่ตอบโต้ ‘มาลี’

Khaosod

จุฬาฯทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่ ‘กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี’

The Bangkok Insight

‘โรม’ ปูดพลเรือนอักษรย่อ ‘บ.’ โผล่เบื้องหลังดีลเรือดำน้ำจีน

ไทยโพสต์

รวบ 3 ชาวเมียนมา ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดเงินสดกว่า 46 ล้าน

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม