‘โรม’ ปูดพลเรือนอักษรย่อ ‘บ.’ โผล่เบื้องหลังดีลเรือดำน้ำจีน
รังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกตดีลเรือดำน้ำจีน พร้อมระบุพลเรือนอักษรย่อ “บ.” อาจเกี่ยวข้องเบื้องหลังเหตุยกเลิกเครื่องยนต์เยอรมัน ทั้งที่เคยตกลงกันไว้ ซัดไม่ควรยอมเสียเปรียบ เปลี่ยนสัญญาแบบไม่มีคำอธิบาย ลั่น “ปชน.” หนุนจัดซื้ออาวุธอย่างมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใครบางคน
8 สิงหาคม 2568 - ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยระบุว่า เรื่องนี้เป็นมหากาพย์สำคัญในช่วงที่ประเทศเผชิญวิกฤติ ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อป้องกันประเทศและประชาชน ไม่ใช่เพื่อการรุกราน
เขากล่าวว่า เมื่อมองในกรอบยุทธศาสตร์ ต้องตั้งคำถามว่า ดีลเรือดำน้ำตอบโจทย์ยุทธศาสตร์จริงหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลจากการพูดคุยกับบุคลากรในกองทัพเรือว่า สิ่งที่ขาดแคลนจริงๆ คือ “เรือฟริเกต” ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาอธิปไตยในน่านน้ำ แต่กลับได้รับงบเพียง 1 ลำจากที่ร้องขอไว้ 2 ลำ
“เท่าที่ผมทราบ กองทัพเรือต้องการฟริเกตมากกว่านี้ แต่เรากลับไปโฟกัสกับเรือดำน้ำ ซึ่งต้องถามว่า ตอบโจทย์หรือไม่” นายรังสิมันต์กล่าว
เขายังระบุถึงประเด็นสำคัญในการจัดซื้อ โดยกล่าวว่า ไทยเคยตกลงกับจีนว่าจะซื้อเรือดำน้ำที่ใช้เครื่องยนต์เยอรมัน และทางบริษัทผู้ผลิตฝั่งจีนเคยยืนยันว่าจัดหาได้แน่นอน แต่ภายหลังเมื่อไทยจ่ายเงินงวดแรกไปแล้ว กลับพบว่าไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์เยอรมันได้ และไทยก็ยินยอมเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์จีนแทน ทั้งที่เป็นแบบที่จีนเองก็ยังไม่เคยใช้มาก่อน
“สิ่งที่น่ากังวลคือเรื่องความปลอดภัย ศักยภาพ และคุณภาพของเรือดำน้ำ การที่เราต้องไปจำยอมแบบนี้ และยอมให้มีการแก้ไขสัญญา โดยที่เราเสียเปรียบ ผมไม่สามารถเข้าใจได้เลย” เขากล่าว
นายรังสิมันต์ยังระบุว่า มีข้อสังเกตจากหลายฝ่ายต่อเรื่องนี้ว่า เหตุผลที่ไทยไม่ยกเลิกสัญญา ทั้งที่ฝ่ายจีนไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์ได้ตามที่ตกลง อาจมีเบื้องหลังที่ไม่เปิดเผย โดยเขาอ้างถึงบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นพลเรือน อักษรย่อ “บ.” ที่อาจมีบทบาทสำคัญในกระบวนการดังกล่าว
“ผมเป็นห่วงว่าเหตุผลที่เรายอมรับเรือดำน้ำจีนพร้อมเครื่องยนต์จีน อาจไม่ใช่เรื่องของยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ แต่อาจเป็นเรื่องของความมั่นคงของใครบางคน” นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมย้ำว่า
“พรรคประชาชนเห็นด้วยกับการจัดซื้ออาวุธอย่างมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ซื้ออะไรก็ได้ และไม่ควรมีเรื่องผลประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะนั่นจะทำให้กองทัพอ่อนแอ และประเทศเสียหาย”