สธ.อัปเดตการเปิด-ปิด รพ.ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมแผนฟื้นฟู 8 ขั้นตอน
วันนี้ (8 ส.ค. 2568) นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการฟื้นฟูสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากกรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ปัจจุบันมีสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบสะสมรวม 169 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาล 20 แห่ง เปิดตามปกติ 6 แห่ง เปิดบางส่วน 11 แห่ง ปิดบริการ 3 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 149 แห่ง เปิดตามปกติ 39 แห่ง เปิดบางส่วน 31 แห่ง และปิดบริการ 79 แห่ง ความเสียหายของสถานพยาบาลเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 146 ล้านบาท โดยโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สุรินทร์ ได้รับความเสียหายมากสุด
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนฟื้นฟูโรงพยาบาล (Recovery Plan) กรณีภัยสงคราม เพื่อเตรียมกลับมาให้บริการเมื่อสถานการณ์สงบและมีความปลอดภัย โดยแบ่งเป็น 8 ขั้นตอน ดังนี้ 1.การประเมินสถานการณ์หลังเหตุการณ์ โดยประเมินความเสียหายทางกายภาพ เช่น อาคาร เครื่องมือแพทย์ ระบบไฟฟ้า/น้ำ รวมถึงความปลอดภัยของบุคลากรและผู้ป่วยในเดิม 2.โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม ให้ซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่ที่ปลอดภัย แข็งแรง ทนทานต่อภัยพิบัติและเหตุการณ์รุนแรง ฟื้นฟูระบบไฟฟ้า น้ำประปา การสื่อสาร ระบบไอที และห้องสำคัญ เช่น ห้องผ่าตัด ไอซียู และตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่โดยรอบร่วมกับหน่วยความมั่นคง
นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า 3.การจัดการทรัพยากรบุคคล ให้มีการติดตาม สื่อสารและสนับสนุนบุคลากรที่อพยพหรือได้รับผลกระทบให้กลับเข้าปฏิบัติงานได้ จัดระบบดูแลสภาพจิตใจและระบบเวรที่เหมาะสมเพื่อลดความเหนื่อยล้า 4.การฟื้นฟูระบบบริการสุขภาพ โดยเริ่มเปิดบริการที่จำเป็นก่อน เช่น ห้องฉุกเฉิน, คลินิกโรคเรื้อรัง, แม่และเด็ก รวมถึงประเมินความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเปิดบริการอื่นๆ ตามลำดับอย่างเหมาะสม 5.การฟื้นฟูเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ โดยตรวจสอบคลังเวชภัณฑ์และจัดหาสิ่งที่ขาดแคลน โดยร่วมกับคลังกลางหรือหน่วยสนับสนุน
6.การฟื้นฟูระบบข้อมูลและสารสนเทศ ให้กู้คืนระบบเวชระเบียนและระบบสารสนเทศต่างๆ ของโรงพยาบาล ประเมินความปลอดภัยของข้อมูล และจัดระบบสำรองข้อมูลในอนาคต และเพิ่มระบบเตือนภัยและสื่อสารฉุกเฉิน 7.การสื่อสารกับประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้ทราบถึงการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ รับฟังข้อเสนอแนะหรือความต้องการของประชาชน พร้อมประชาสัมพันธ์แผนฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นต่อการให้บริการ
และ 8.การพัฒนาความพร้อมในอนาคต โดยปรับปรุงระบบบริหารความเสี่ยงและแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน จัดทำแผนการอพยพและแผนเผชิญเหตุที่เป็นระบบมากขึ้น และปรับปรุงโครงสร้างอาคารให้แข็งแรงมั่นคงปลอดภัย