SET เผยภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนก.ค.บวกแรง 14% ทุนต่างชาติซื้อ 1.6 หมื่นล้าน
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าของอินโดนีเซียและเวียดนามกับสหรัฐฯ ในช่วงกลางเดือนก.ค. 68 โดยสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) อัตราใหม่จากทั้งสองประเทศที่ 19% และ 20% ตามลำดับ ได้สร้างบรรทัดฐานสำคัญในระดับภูมิภาค
ส่งผลให้นักวิเคราะห์ประเมินว่ารัฐบาลไทยมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ได้ภายใต้เงื่อนไขที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในระดับสูง
ประกอบกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยในปี 68 ขยายตัว 2.2% จากเดิมที่ 2.1% เป็นปัจจัยหลักหนุนให้ SET Index เดือนกรกฎาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.0% จากเดือนก่อน
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ในเดือนก.ค. 68 เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ดึงเงินลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) โดยเฉพาะเอเชีย ซึ่งเริ่มได้รับการจัดสรรพอร์ตใหม่จากกองทุนต่างชาติ ในส่วนของตลาดหุ้นไทย Valuation น่าสนใจ
และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทมักจะช่วยให้มีเงินทุนไหลเข้า และ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 14 วัน จาก 21 วันทำการในเดือนก.ค. 68 ส่งผลให้มียอดซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกลับมาซื้อสุทธิเดือนแรกตั้งแต่เดือนก.ย. 67
การปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยของ สศค. อยู่บนสมมติฐานที่ว่าเศรษฐกิจยังได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ขณะที่การส่งออกสินค้าคาดขยายตัว 5.5% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.3% สะท้อนผลของการเร่งส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อบริหารความเสี่ยงจากสงครามการค้า
ทั้งนี้ คณะกรรมการ Federal Open Market Committee (FOMC) ของสหรัฐฯ มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25% - 4.50% เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน
โดยถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังสะท้อนความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับนโยบายทางภาษีที่อาจจะกระทบทั้งอัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ส่งผลให้การดำเนินนโยบายทางการเงินจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง และยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา
ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนก.ค.
สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทย ณ 31 ก.ค. 68 SET Index ปิดที่ 1,242.35 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 14.0% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี 68 จนถึง 31 ก.ค. SET Index ปรับลดลง 11.3%
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 67 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 42,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากเดือนก.ค. 67
โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 68 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมอยู่ที่ 41,971 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 50.68% ของมูลค่าการซื้อขายรวมในเดือนก.ค. อีกทั้งยังซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกลับมาซื้อสุทธิเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 67
ด้าน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นก.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 13.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.8 เท่า
สำหรับอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นก.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 3.95% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.17%
ภาวะตลาด TFEX
ในแง่ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 355,290 สัญญา ลดลง 19.8% จากเดือนก่อนหน้า ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures
ทำให้ในปี 68 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 425,984 สัญญา ลดลง 11.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการลดลงของ Single Stock Futures และ Gold Online Futures