เวที SITE 2025 ชี้ “ความร่วมมือระดับโลก” พานวัตกรรมไทยขยายตัว
เวทีสัมมนา SITE 2025 ชี้ “ความร่วมมือระดับโลก” พานวัตกรรมไทยขยายตัว ผู้แทน 4 ปท.เผยใช้วิธีจับคู่ธุรกิจ ส่งออก เชื่อมโยงเครือข่ายขับเคลื่อนสตาร์ตอัป/นวัตกรรม
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน มีการสัมมนาหัวข้อ “Driving the Growth of Innovative Businesses through Export and Investment Promotion” ที่จัดขึ้นภายใต้งาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 (SITE 2025) โดยมีผู้แทนจาก 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ฮ่องกงและญี่ปุ่น ได้ร่วมแบ่งปันแนวทางการสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมผ่านการส่งออกและการลงทุน พร้อมเปิดเผยกลไกสนับสนุนที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการไทย
น.ส.แอนจา ฟีดเลอร์(Ms. Anja Fiedler) จาก Switzerland Global Enterprise ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของภาคธุรกิจนวัตกรรมของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เช่น Nestlé, Logitech และ Novartis โดยเน้นบทบาทของเครือข่าย Swiss Business Hub ทั่วโลกรวมถึงไทย ที่ให้คำปรึกษา ช่วยจับคู่ธุรกิจและสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ น.ส.แอนยา ยังได้กล่าวถึงข้อตกลงการค้าเสรีไทย-EFTA ที่เพิ่งลงนามว่าเป็น “โอกาสทางยุทธศาสตร์” ที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้าระหว่างสองประเทศให้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 200% ในอนาคตอันใกล้
ด้านนายมิฮาล โฮราเช็ค (Mr. Michal Horáček) จากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐเช็ก ระบุว่า กว่า 80% ของ GDP ของประเทศมาจากการส่งออก รัฐบาลจึงวางกลยุทธ์ “Export+” เพื่อส่งเสริมธุรกิจในประเทศให้เติบโตระดับโลก โดยใช้หน่วยงาน CzechTrade และ CzechInvest เป็นกลไกสนับสนุน พร้อมชูจุดแข็งของแรงงานเช็กที่มีทักษะสูง รวมถึงกรณีศึกษาการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น Linet, Petrof และ Bohemia Interactive ที่เริ่มดำเนินธุรกิจในไทย
ขณะที่ นายพนากร เดชธำรงวัฒน์ จาก Invest Hong Kong ย้ำว่า ฮ่องกงเป็นจุดยุทธศาสตร์ของเอเชีย โดยเฉพาะในการเชื่อมโยงธุรกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่ ปัจจุบันมีสตาร์ตอัปกว่า 5,000 รายในฮ่องกง และมีระบบภาษีต่ำ ไม่มีข้อจำกัดในการถือหุ้นจากต่างชาติ รวมถึงมีกลไกระดมทุนจาก VC และ family office จำนวนมาก พร้อมจัดโปรแกรมเร่งการเติบโต (Accelerator) ที่สนับสนุนสตาร์ตอัปไทยให้เข้าถึงทุนและตลาด เช่น โครงการที่พาสตาร์ตอัปไทยเข้าสู่เวที Hong Kong FinTech Week
ส่วนนายวาตารุ ฟูจิวาระ(Mr. Wataru Fujiwara) จากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น(NEDO) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสตาร์ตอัปและมูลค่าธุรกิจให้เติบโต 10 เท่าภายในปี 2027 ผ่านแผน 5 ปี โดยมีโปรแกรมสนับสนุนการเงินไม่ถือหุ้นสำหรับธุรกิจ DeepTech และ AI ที่ต้องการขยายสู่ระดับนานาชาติ โดย NEDO มีสำนักงานในกรุงเทพฯ เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ในการอภิปรายร่วมกัน วิทยากรทั้ง 4 คนชี้ว่า อุปสรรคสำคัญของธุรกิจนวัตกรรมในการขยายตลาดโลกคือ การขาดเงินทุนและความเสี่ยงสำหรับระยะเริ่มต้น ความซับซ้อนด้านกฎหมาย กฎระเบียบ และภาษีและทัศนคติของผู้ประกอบการที่ยังไม่กล้า “Globalize”
ทั้งนี้ กลไกการสนับสนุนที่แต่ละประเทศใช้ มีความคล้ายคลึงกันในหลักการ ได้แก่ การจับคู่ธุรกิจแบบเฉพาะเจาะจง การร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ การให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ และการเชื่อมโยงกับเครือข่ายในประเทศปลายทาง สำหรับแนวโน้มเทคโนโลยีที่ถูกยกขึ้นมามากที่สุด ได้แก่ AI, HealthTech, พลังงาน และอวกาศ ขณะที่ปัจจัยแห่งความยั่งยืน เช่น คุณภาพชีวิต เสถียรภาพทางการเมือง และทุนมนุษย์ ก็ถูกเน้นย้ำว่าเป็นหัวใจในการสร้าง “ระบบนิเวศนวัตกรรมที่ยืดหยุ่นและแข่งขันได้ในระดับโลก”
โดยงานสัมมนานี้ตอกย้ำความสำคัญของ “ความร่วมมือระดับโลก” ที่จะนำพานวัตกรรมไทยขยายตัวได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพในเวทีโลก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เวที SITE 2025 ชี้ “ความร่วมมือระดับโลก” พานวัตกรรมไทยขยายตัว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th