Climate Apocalypse ภูมิอากาศล้างโลกผลกรรมตามทัน ไล่ทำลายล้างมวลมนุษยชาติ
ในเวทีโลก เหล่านักวิทยาศาสตร์เลิกพูดคำว่า“Climate Change” หรือ “Climate Resilience” กันแล้ว ตอนนี้หันมาประโคมศัพท์ใหม่ “Climate Apocalypse ภูมิอากาศล้างโลก”
“Climate Apocalypse” คืออะไร
ถ้าแปลตามศัพท์น่าจะเรียกได้ว่าเป็น“ภูมิอากาศล้างโลก”
เราเริ่มพบกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศฉับพลันในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลกแบบคาดเดาไม่ได้ “ภูมิอากาศล้างโลก” นี้สร้างผลกระทบหนักในวงกว้าง ทำลายล้างสิ่งแวดล้อม ผืนป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำลำคลอง ชายฝั่ง จนถึงเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก ทำร้ายสัตว์นานาชนิด ทั้งบนบก ในน้ำ รวมถึงพวกเรามวลมนุษยชาติอย่างสาหัส
เราได้พบเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดมาตั้งแต่ต้นปี ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนีย ทำลายป่าไม้ สัตว์ป่า บ้านเรือนของเหล่าเศรษฐี ดารา นักผจญเพลิงทำงานหนัก และต้องทนควันไฟอยู่เป็นเดือน ในยุโรปเกิดคลื่นความร้อนจัดหลายเมืองที่เรียกว่า “Heat Dome” ในเขตอาร์กติก ภูเขาน้ำแข็ง ก็ละลายอย่างรวดเร็วที่สุด เพิ่มปริมาณ น้ำในมหาสมุทรอย่างมหาศาล ใต้ดินมีรายงานความสั่นสะเทือน มีแผ่นดินไหวอย่างรัว ๆ ตามรอยเลื่อนทั่วโลก รอเวลาระเบิดใหญ่
ไม่นานมานี้ ในรัฐต่าง ๆ ของอเมริกา ถูกโจมตีด้วย Rain Bomb จนเกิด น้ำท่วมฉับพลันทำลายล้างชาวเมืองใหญ่ไล่มาตั้งแต่ เทกซัส นิวเม็กซิโก เวอร์จิเนีย นิวเจอร์ซีย์ และท่วมหนักที่สุดในนิวยอร์กที่เราเห็นท่วมลงไปถึงรถไฟใต้ดิน ยังไม่นับทอร์นาโดชุดใหญ่ที่ร้ายแรงกว่าเดิม กำลังเรียงคิวกันเข้ามา ที่อเมริกาใต้ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันแบบไม่เคยเจอมาก่อนหลายเมือง ทั้งใน โคลอมเบีย เวเนซุเอลา และบราซิล ที่ออสเตรเลียก็เจอน้ำท่วมใหญ่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ แอฟริกาเคยแห้งแล้ง ปีนี้ก็เจอฝนถล่มหนักทั้ง ในซูดานใต้ ไนจีเรีย และเอธิโอเปีย ที่ตะวันออกกลาง แม้ว่าอยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง พอเจอพายุกระหน่ำ ดูไบก็น้ำท่วมจนต้องปิดสนามบิน ในเอเชียเราเองแค่ต้นฤดูฝน ไต้ฝุ่นที่ทยอยโจมตีประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย คาดว่าจะรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ตอนนี้ทางภาคเหนือ และอีสานของเรารับมือวิภาไปแล้ว และลูกที่ใหญ่กว่าอาจจะตามมา
หลายคนคิดว่า“Climate Apo-calypse” นี้เกิดจากการที่เราตัดไม้ทำลายป่า หรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงภูมิประเทศเดิมสร้างเป็นเมืองใหม่ สร้างป่าคอนกรีตขวางทางน้ำโดยไม่สนใจธรรมชาติ หลายคนโทษอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปลดปล่อยคาร์บอนมากเกินไป การอ้างแผนที่จะเป็น Net Zero เป็นแค่ราคาคุย แต่คนที่รู้จริงบอกว่าพฤติกรรมบริโภคนิยมสุดโต่งของพวกเรา8.25 พันล้านคนต่างหาก ที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง
ไม่ต้องมองคนอื่น หรือโทษใคร ต้องโทษตัวเราเอง ถ้าเราไม่อยากเจอ Climate Apocalypse ที่รุนแรงจนล้างโลก เราต้องรีบควบคุมการปล่อยคาร์บอนของเราไม่ให้เกิน2 ตันต่อคนต่อปีให้ใด้
วิธีง่าย ๆ ที่จะรู้ว่าเราปลดปล่อยคาร์บอนเท่าไรต่อปี โดยใช้แอปคาร์บอนต่าง ๆ ที่มีมากมาย มีรายละเอียดการคำนวณต่างกันไป ของไทยก็มีแอป Net Zero Man ที่พอจะคำนวณคร่าว ๆ ได้ ผมลองคำนวณแล้ว คนเมืองส่วนใหญ่แบบชาว กทม. จะปล่อยคาร์บอนราว 6-10 ตันต่อปี แปลว่าเราต้องพยายามลดลง 3-5 เท่า
แล้วจะลดลงด้วยวิธีอะไรได้บ้าง
1.ปรับตัวใช้การเดินทางแบบ Low Carbon จำกัดการเดินทางด้วยเครื่องบิน ถ้าจำเป็นลองเลือกสายการบินคาร์บอน ต่ำ หรือสายการบินที่มีการชดเชยคาร์บอน ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เลือกการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ จักรยาน เดิน หรือ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น บางกิจกรรมสามารถทำออนไลน์ได้ 2.ปรับลดการใช้พลังงานที่บ้าน และที่ทำงาน เปิดเครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็น อย่าตั้งอุณหภูมิ ให้เย็นจัด เลือกแอร์ประหยัดไฟ และ หมั่นล้างแอร์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ตามความจำเป็น และเลือกแบบประหยัดไฟ ใช้ แสงธรรมชาติ ใช้หลอดประหยัดพลังงาน 3.ติดตั้งพลังงานสะอาด เช่นแผงพลังงานแสงอาทิตย์ 4.เลือกรับประทานอาหารคาร์บอนต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพืช เลือกที่มาของอาหารจากชุมชนใกล้บ้าน หรือปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทานเอง ลดอาหารเครื่องดื่มที่มีการขนส่งมาจากแดนไกล เพราะจะปล่อยคาร์บอนมาก รวมทั้งจัดการขยะเหลือทิ้งจากอาหารให้มีประสิทธิภาพ 5.ลดการใช้สินค้าที่ผลิตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องใช้ต่าง ๆ ใช้ให้คุ้ม ถ้าเสียก็ซ่อม หรือซื้อของมือ สอง 6.ลดการใช้น้ำที่ไม่จำเป็น หรือติดตั้งระบบน้ำหมุนเวียน7.ลดการคุยกับAI คุยแต่พองาม เพราะเหล่า AI ที่เราคุย ด้วยกินน้ำมหาศาล และศูนย์ข้อมูลก็ปล่อยคาร์บอนจากการใช้น้ำและพลังงานจำนวนมาก
ช่วยกันนะครับ ก่อนที่จะเกิดวันสิ้นโลกด้วยClimate Apocalypse.