ตั้งบริษัทใหม่ มิ.ย.68 จำนวน 7,023 ราย รวมครึ่งปี 43,838 ราย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยตั้งบริษัทใหม่ มิ.ย.68 มีจำนวน 7,023 ราย ลด 4.46% ทุนจดทะเบียน 18,113 ล้านบาท ลด 35.26% เลิก 1,468 ราย เพิ่ม 3.67% ทุนจดทะเบียนเลิก 10,403 ล้านบาท เพิ่ม 112.16% รวม 6 เดือน ตั้งใหม่ 43,838 ราย ลด 5.49% ทุนจดทะเบียน 149,140 ล้านบาท เพิ่ม 2.80% เลิก 6,244 ราย เพิ่ม 3.39% ทุนจดทะเบียนเลิก 30,544 ล้านบาท ลด 60.20% เผยครึ่งปีหลัง แนวโน้มตั้งใหม่เพิ่ม ได้แรงหนุนจากท่องเที่ยว มาตรการช่วย SME คาดทั้งปี 8.5 หมื่นราย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือน มิ.ย.2568 มีจำนวน 7,023 ราย ลดลง 4.46% ทุนจดทะเบียน 18,113 ล้านบาท ลดลง 35.26% โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร และรวม 6 เดือน ของปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 43,838 ราย ลดลง 5.49% ทุนจดทะเบียน 149,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.80% โดยธุรกิจตั้งใหม่ 3 อันดับแรกเหมือนกับเดือน มิ.ย.2568
ส่วนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือน มิ.ย.2568 มีจำนวน 1,468 ราย เพิ่มขึ้น 3.67% ทุนจดทะเบียนเลิก 10,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.16% โดยธุรกิจเลิก 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร รวม 6 เดือน เลิกจำนวน 6,244 ราย เพิ่มขึ้น 3.39% ทุนจดทะเบียนเลิก 30,544 ล้านบาท ลดลง 60.20% โดยธุรกิจเลิก 3 อันดับแรก เหมือนกับธุรกิจเลิกของเดือน มิ.ย.2568 เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีของปี 2568 แม้ตัวเลขการจัดตั้งธุรกิจจะชะลอตัวบ้าง แต่เงินลงทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ส่วนการจดเลิกธุรกิจ ตัวเลขขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ทุนเลิกลดลง ซึ่งถือว่าเป็นไปตามวัฏจักรของการจดทะเบียนธุรกิจ โดยสัดส่วนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ต่อการจดทะเบียนเลิก มีสัดส่วนอยู่ที่ 7:1 กล่าวคือ จัดตั้ง 7 ราย เลิก 1 ราย โดยสัดส่วนนี้เท่ากับค่าเฉลี่ยของครึ่งปีแรกในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (2563-2567)
นางอรมนกล่าวว่า ธุรกิจที่เป็นแรงผลักดันให้การจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโตขึ้น มาจาก 5 ธุรกิจหลัก ๆ ได้แก่ ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ เพิ่ม 64.45% โรงแรม รีสอร์ตและห้องชุด เพิ่ม 48.93% กิจกรรมทางกฎหมาย (สำนักงานหรือที่ปรึกษากฎหมาย) เพิ่ม 46.79% ขายส่งสินค้าทั่วไปโดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง เพิ่ม 46.40% และขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร เพิ่ม 21.05% ส่วนธุรกิจที่เติบโตลดลง ได้แก่ ขายปลีกสินค้าอื่น ๆ ในร้านค้าทั่วไป ลด 31.50% กิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง ลด 29.11% ขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ลด 26.05% อสังหาริมทรัพย์ ลด 21.50% และภัตตาคารและร้านอาหาร ลด 12.97%
สำหรับแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง 2568 (ก.ค.-ธ.ค.) คาดว่า จะมีจำนวนการจดทะเบียนธุรกิจใหม่อยู่ที่ประมาณ 41,000-42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2568 คาดว่ามียอดจดทะเบียนรวม 85,000 ราย ใกล้เคียงกับปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการเที่ยวคนละครึ่ง และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SME ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต อาทิ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต ห้องชุด ธุรกิจขนส่งคนโดยสารและสินค้า ธุรกิจขายส่งผลิตภัณฑ์อาหาร และธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาผลกระทบจากสถานการณ์มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tax) ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งกรมจะติดตามสถานการณ์และเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยด้วยองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจับคู่ธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางการตลาด การจับมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการรับมือกับโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศต่อไป
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO