เปิดวิสัยทัศน์ “ธีร์” ประธานมาสด้า
แม่ทัพมาสด้า ประเทศไทย “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์” เป็นคนไทย คนแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในวันที่รับตำแหน่งได้ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญสุดในรอบทศวรรษ เพื่อเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้ธีม The Future, Crafted by the Joy of Driving ชูวิสัยทัศน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ล่าสุด เพื่อส่งมอบความสุขในการขับขี่ตามแนวทาง Multi-solution ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าควบคู่กับแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 5 รุ่น ภายใน 3 ปี
เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในทุกมิติสร้างธุรกิจมาสด้าและผู้จำหน่ายให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ต้องให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่”
มาถึงวันนี้ ธีร์ ซีอีโอ มาสด้าได้กล่าวว่า เราดำเนินตามนโยบายของมาสด้า 2030 ได้แบ่งออกเป็น3 ระยะ ระยะที่ 1 (ปี65-67) พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 ปี 68-70 การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่สู่ยุคEV ซึ่งเป็นในช่วงเวลาปัจจุบันโดยปลายปีนี้จะเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรกมาสด้า 6 อี และระยะที่ 3 ระหว่างปี 71-73 จะเปิดตัวแบตเอรี่อีวีอย่างเป็นทางการ ภายใต้กลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ Xนวัตกรรมโมโนซึคุริ 2.0 ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการสินทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของการใช้พลังงานไฟฟ้า
“ปัจจุบันนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งในและต่างประเทศ สถานการณ์มาสด้าได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผมเป็น “ลูกหม้อ”ได้เรียนรู้จุดแข็ง จุดอ่อน มีทีมบุคลากร พันธมิตร ที่สามารถเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน ไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว และเชื่อมั่นว่าเราได้ปรับตัวรับกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และสามารถผ่านมาได้หลายครั้งแล้ว”
ล่าสุดได้ปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเรามีเฉพาะเครื่องยนต์สันดาปเท่านั้น จึงได้เพิ่มรุ่นและปรับราคาให้คุ้มค่า เข้าถึงง่าย ทั้งมาสด้า CX-3 , ,มาสด้า 2 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี และ 30 กค.นี้ก็จะปรับราคารุ่น CX-30 อีก 1 รุ่น คาดว่าทั้งปีนี้จะมียอดขายที่ 9,000 คันได้ตามเป้าหมาย ส่วนตลาดรวมมองว่า อยู่ที่ 580,000 คัน
ส่วนทางด้านผู้แทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ เป็นเจ้าของ 79 ราย มีโชว์รูม 85 แห่ง ซึ่งมีเพียงพอที่จะดูแลครอบครัวมาสด้าที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้ปรับบริการหลังการขายลูกค้าอยู่ไกล(ระยะทางไปกลับจากศูนย์บริการ100กม.ขึ้นไป) มีคูปองน้ำมันให้ รวมทั้งขยายระยะเวลารับประกัน ซึ่งเป้นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ส่วนด้านอะไหล่นั้น ได้ปรับราคา สต๊อก การส่ง อะไหล่ ค่าแรง ให้ลูกค้ามีความสบายใจ
ขณะเดียวกันบริษัทแม่สนับสนุนและประเทศไทยเป็นประเทศหลักที่มาสด้าให้ความสำคัญ จะเห็นได้จาก “มาซาฮิโร โมโร” ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น มาสด้าได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยล่าสุด เตรียมความพร้อมไปอีกขั้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญในการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า xEVs ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี โดยมุ่งเน้นไปที่การประกอบรถยนต์ การผลิตเครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี
ด้วยนโยบาย “มาสด้า”ที่เราได้ดำเนินมาต่อเนื่อง อย่างเป็นขั้นตอนและการสนับสนุนของบริษัทแม่ จึงเป็นที่ประจักษ์ได้อย่างชัดเจน ในการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน.