“สุริยะ” กำชับ “ทล.-ทช.” เร่งฟื้นฟูถนน ดูแลปชช.กลับมาสัญจรได้ปกติโดยเร็ว “บขส.” เปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-ทุ่งช้าง แล้ว
“สุริยะ” กำชับ “ทล. - ทช.” เร่งฟื้นฟูถนนช่วยเหลืออำนวยความสะดวกประชาชนให้กลับมาสัญจรได้ปกติโดยเร็ว ด้าน “บขส.” เปิดให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ – ทุ่งช้าง แล้ว
วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานส่งเจ้าหน้าที่เข้าลงพื้นที่จุดที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภา เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยโดยเฉพาะโซนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และมีผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชน โดยขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูสภาพถนนช่วยเหลืออำนวยความสะดวกประชาชนที่ได้ผลกระทบพายุโซนร้อนวิภาให้กลับมาสัญจรได้ปกติโดยเร็ว
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้กรมทางหลวง (ทล.) จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อให้เส้นทางกลับมาใช้สัญจรได้โดยเร็วที่สุด ขณะที่กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้รับผลกระทบ 37 แห่ง จึงสั่งการให้เร่งดำเนินการฟื้นฟูทำความสะอาดและเข้าสำรวจถนน หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่เริ่มคลี่คลายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน โดยขอให้ประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วย
โดยสายทางของ ทล. ได้รับผลกระทบใน 5 จังหวัด รวม 14 แห่ง สัญจรผ่านได้ 5 สายทาง ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ทล.1056 (อ.ศรีสำโรง) กม.0+400 – 1-000 และ ทล.1293 (อ.เมือง) ช่วง กม.0+000 – 0+225 จังหวัดเชียงราย (ดอยหลวง) ทล.1 กม.ที่942+350 – 942+450 ทล.1098 (อ.ดอยหลวง) กม.20+500 – 20+600 และ กม.35+700 – 35+950 เส้นทางที่รถยังผ่านไม่ได้ 9 แห่ง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ทล.1093 (อ.เชียงของ) ช่วง กม.47+900 - 47+940 และ 45+950 - 46+400 ทล.1155 (อ.เวียงแก่น) ช่วง กม.45+950 – 46+400 ทล.1173 (อ.เวียงรุ้ง) กม.ที่46+100 – 47+133 จังหวัดแพร่ ทล.1125 (อ.วังชิ้น) ช่วง กม.7+900 - 11+000 จังหวัดน่าน ทล.1083 (อ.นาน้อย) ช่วง กม.53+750 - 53+800 ทล.1256 (อ.ปัว) ช่วง กม.25+000 - 26+000 และ 26+260 - 26+300 จังหวัดสุโขทัย ทล.101 (อ.เมือง) ช่วง กม. 82+040 - 84+500 ทล.1195 (อ.ศรีสำโรง) กม.17+300 – 20+000 จังหวัดอุตรดิตถ์ ทล.1243 (อ.บ้านโคก) กม.18+325 – 18+700
สำหรับสายทางของ ทช. ได้รับผลกระทบ 37 แห่ง ยังคงเหลือเส้นทางในพื้นที่จังหวัดน่านและแพร่ที่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้อีก 10 สายทาง ได้แก่ นน.4022 กม. 1-100 – 1+300 นน.3007 กม.8+700 – 10+000 นน.011 กม.0+000 – 0+300 นน.1256 กม.26+260 – 26+300 นน.3019 กม.7+000 – 8+000 นน.021 กม.0+000 – 0+300 นน.4020 กม.10+500 – 10+900 และ กม.31+690 – 32+200 พร.4013 กม.27+725 – 27+800 และ กม.20+050 – 20+350 พร.001 กม.0+480 – 1+185
ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่านเริ่มคลี่คลายแล้วสามารถเปิดให้บริการเดินรถโดยสาร สายที่ 47 กรุงเทพฯ – ทุ่งช้าง เข้ารับส่งผู้โดยสารและวิ่งในเส้นทางได้ตามปกติปกติ ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ส่วนพื้นที่จังหวัดแพร่ระดับน้ำได้ลดลงเป็นปกติแล้ว รถโดยสารสามารถเข้ารับ – ส่ง ผู้โดยสารในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแพร่ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลและติดตามสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายคมนาคมได้ที่ www.mot.go.th : รายงานสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายคมนาคม Facebook : ประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม ติดต่อขอรับการช่วยเหลือ สอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทางได้ที่ สายด่วนกระทรวงคมนาคม 1356 ทล. 1586 ทช. 1146 และสอบถามข้อมูลการเดินทาง บขส. ได้ที่ Social booking (จองตั๋ว) โทรศัพท์ 0 2936 3660 หรือ ทาง Facebook Page : บขส. และ Line บขส. : @TCL99