เมื่อถึงเวลาจัดการบริหารโดรน เพราะภัยความมั่นคง - กสทช.
จากความขัดแย้งริมขอบตะเข็บชายแดน มาถึงในเขตชุมชนและในที่สุดก็เริ่มเข้ามาในตัวเมือง เมื่อกองทัพอากาศประกาศในวันที่ 3 สิงหาคมว่า มีโดรนไม่ทราบฝ่ายเข้ามาก่อกวนในพื้นที่เขตทหาร และที่สำคัญทางทหารเป็นสัญญาณอันตรายเพราะเรารู้ว่าโดรนในยุคสมัยนี้ทำอะไรได้บ้าง
ประธาน กสทช.ได้เชิญทีมงานประชุมตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ตามคำสั่งของ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในวันก่อนหน้า เพื่อให้นโยบายและสั่งการในฐานะหน่วยงานสนับสนุน
สำหรับโดรน สำนักงาน กสทช. มีระเบียบกำกับดูแล ดังเช่นอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม และเราทำงานร่วมกับ กพท. และ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ในการบริหารจัดการ โดย กพท. และ บวท. จัดการห้วงอากาศ และ กสทช. ดูแลเรื่องคลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งสัญญานของอุปกรณ์
ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานที่ กสทช. โดรนเป็นสิ่งที่ ผมสนใจระดับต้นๆ เพราะตอนเป็นผู้ฝึกสอน หลักสูตรผู้นำ ธรรมาภิบาลของสถาบันพอยท์แมน ให้กับกองทัพยูเครนในช่วงก่อนสงครามกับรัสเซีย มีการพูดถึงความขัดแย้งและโอกาสการรุกรานรวมถึงนวัตกรรมและขีดความสามารถ ซึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นที่รู้กันและคงไม่ต้องสาธยาย
การเข้ามาทำงานตรงจุดนี้จึงเป็นโอกาสที่ผมได้ทำความเข้าใจวิศวกรรมของเทคโนโลยีโดรน การจะต่อสู้กับ โดรนต้องเข้าใจพื้นฐานของโดรน ประกอบด้วย มอเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันหรือไฟฟ้า ชุดรับสัญญาณ สมองควบคุมและอุปกรณ์เสริม เช่น มือจับ (ที่จะจับตั้งแต่ถังปุ๋ยถึงระเบิดขีปนาวุธ) หรือ กล้องถ่ายภาพระยะไกล โดยมีทั้งที่ขึ้นลงทางดิ่งและบินจากสนามบิน ขนาดแบ่งเป็น 3 ช่วง เล็กกว่า 20 กก. แบบของทั่วไปเกิน 20 กก. และเพดานการบินระหว่าง UTM คือต่ำกว่า 400 ฟุต และ ATM สูงเท่าเครื่องบินเล็ก
เครื่องโดรนทั่วไปในเมืองไทยที่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้ามาขาย จะใช้การสั่งการบน คลื่นความถี่ย่าน 2.4 Ghz และ 5.8 Ghz (หรือ คลื่น Wi-Fi ที่เราใช้ตามปกติและบินตามระบบ GNSS (หรือ GPS ที่เราเรียกทั่วไป) โดยระยะทางการควบคุมอยู่ในระดับความสามารถในการมองเห็น หรือ Line of Sight
ในทางทหารความน่ากลัวของโดรนแต่ละระดับ มีข้อแตกต่างกัน ตัวเล็ก ATM ใช้ในการสอดแนมและก่อกวน (ในรูปแบบที่เราเจอทุกวันนี้) ตรวจจับยาก/หรือตรวจจับไม่ได้ ใช้วิธีการคำนวณและเดาพื้นที่ควบคุม ในส่วน UTM ที่มี payload สูงๆ สามารถขนระเบิดและอุปกรณ์ทำลายล้างต่างๆได้ แต่มีราคาแพงและต้องมีพื้นที่ขึ้นลง และหากต้องการบินเกิน 1 กม. ต้องตั้งความถี่ BLOS หรือเกินระยะสายตามองด้วย คลื่น 5,*** Mhz ผ่านระบบเดียวกับเครื่องบิน
ในส่วนโดรนที่ใช้ซิมนั้นยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย แต่การลักลอบนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อมันบินเกินระยะความสูงของเสาสัญญาณก็หมดปัญหา แปลว่า การบินด้วยซิม ไม่ใช่ปัญหาของความมั่นคง
สำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานตั้งมาตรฐานความถี่ เราได้ศึกษาร่วมกับ กพท.และบวท. ในการหาวิธีการควบคุมจราจรโดรน เพราะโดรนขนาดเล็ก ไม่สามารถอ่านด้วยเรดาห์ปกติได้ เราเคยศึกษาการใช้ id ของคนขับและเครื่องคู่กันและติด beacon และ blackbox เพื่อความปลอดภัย แต่ก็เฉพาะคนที่เขาตัังใจทำถูกกฎระเบียบเท่านั้น สำหรับคนร้ายก็ยังยากที่จะไปบริหารจัดการหรือตรวจจับ
ปัญหานี้เป็นปัญหาทั่วไปที่ประเทศใหญ่ๆก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ชัด สหรัฐอเมริกาโชคดีที่ไม่มีโดรนบินข้ามมหาสมุทรไปหาได้ มีแต่บอลลูน (ก็คือโดรนชนิดนึง) ที่ไร้พิษสง ระบบการป้องกันโดรนก็มีมาให้เห็น แต่ก็ยังไม่มีที่ปิดจบ 100% - ที่ทำได้ตอนนี้คือ ระดมสมอง ให้คนที่เข้าใจทำงาน เก็บความลับและสอดส่องดูแลและออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้รู้ว่าโดรนที่ยากต่อการตรวจจับคือภัยประเภทหนึ่ง
ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่ในภาวะความขัดแย้งที่มีอีกรัฐเป็นคู่ขัดแย้ง อำนาจปกติที่เราใช้จัดการกันเองภายในประเทศ ไม่ได้มีผลอะไรต่อเขา และระเบียบโลกก็ไม่ได้ปกติเหมือนแต่ก่อน คนไทยอย่าให้น้ำหนักการสู้ผ่านโซเชียลอย่างเดียว แต่ให้ระดมความสามารถผ่านการบริหารจัดการและสร้างองค์ความรู้ให้กับฝ่ายความมั่นคงด้วย เพราะสงครามเย็นรูปแบบใหม่ไปไกลกว่าการต่อสู้แบบสงครามโลกครั้งที่สอง ต้องให้กำลังใจคนรุ่นใหม่และผู้บริหารรุ่นใหม่ ทั้งในกองทัพ และหน่วยงานต่างๆให้ได้มีใจรับใช้ชาติอย่างสมเกียรติภาคภูมิ ให้มีเหตุผลที่อธิบายได้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร