ลาไปดูแลหมาแมวป่วย สวัสดิการที่ควรมี หรือ‘ขอมากเกินไป’?
ไม่ได้มีแค่ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน ลาคลอด หรือลาบวชเท่านั้น แต่ปัจจุบันหลายบริษัทยังเพิ่มวันลาพักใจกรณีคนในครอบครัวเสียชีวิต และมากไปกว่านั้นยังมีการพิจารณา ‘ลาไปดูแลสัตว์เลี้ยง’ ที่ถูกยกขึ้นมาพูดคุยท่ามกลางข้อถกเถียงที่ว่า ภาระในการดูแลสัตว์เลี้ยงที่กำลังเจ็บป่วยควรถูกนับเป็นวันหยุดด้วยหรือไม่
สังคมการทำงานอย่างในสหรัฐ ‘การลาไปดูแลสัตว์เลี้ยง’ หรือ ‘Pawternity Leave’ ยังเป็นสวัสดิการเฉพาะกลุ่ม มีผู้คนที่ร่วมกันสนับสนุน-ผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภานครนิวยอร์ก
กฎหมายนี้มีใจความสำคัญ คือ การอนุญาตให้พนักงานเอกชนในเมืองใช้วันลาเพื่อไปดูแลสัตว์เลี้ยงเมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าข้อเสนอดังกล่าวผ่านมติจะถูกนำไปใช้กับคนทำงานอีกหลายล้านคน จึงทำให้เกิดข้อถกเถียงเป็นวงกว้างเกี่ยวกับสวัสดิการและประเภทการลาที่นายจ้างคาดว่าจะให้
ย้อนกลับไปในช่วงวิกฤติโควิด-19 การแพร่ระบาดใหญ่มีส่วนสำคัญทำให้ความนิยมในการเลี้ยงหมาแมวเพิ่มขึ้น บริษัทประกันหลายแห่งผุดไอเดียให้บริการ “ประกันสัตว์เลี้ยง” ในราคาลดพิเศษ รวมถึงยังมีบริการโทรปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
‘The Wall Street Journal’ ให้ข้อมูลว่า ความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้นทำให้หลายบริษัทในตอนนั้นเพิ่มสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสนับสนุนพนักงานที่มีสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความปกติ หลายแห่งเริ่มปรับลดสวัสดิการต่างๆ ลง รวมไปถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงด้วย
‘MetLife’ บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ในอเมริกาทำการสำรวจบริษัทกว่า 2,500 แห่ง พบว่า จำนวนนายจ้างที่เสนอประกันสัตว์เลี้ยงให้กับพนักงานลดลงจาก 16% เหลือ 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหตุผลเพราะบริษัทกำลังหาทางลดต้นทุนด้วยวิธีการต่างๆ สวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่นายจ้างเลือกหั่นทิ้ง
บริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่งในอเมริกาให้ความเห็นในประเด็นนี้ไว้ว่า ในฐานะนายจ้างมองว่า สำคัญที่สุดคือการดูแลพนักงานให้ดี หลายที่ยังไม่มีสวัสดิการครอบคลุมคนทำงานด้วยซ้ำไป บางแห่งลาป่วยยังหักค่าจ้างก็มี การผลักดันร่างกฎหมายนี้จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะมีส่วนทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการของบริษัทสูงขึ้นแน่นอน
ผลสำรวจจาก ‘Pew Research Center’ บอกว่า เกือบ 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง และเจ้าของสัตว์เลี้ยงกว่าครึ่งหนึ่งเห็นว่า หมาแมวก็เป็นเหมือนคนในครอบครัว สำคัญพอๆ กับสมาชิกที่เป็นมนุษย์ สอดคล้องกับสัดส่วนเด็กเกิดใหม่และจำนวนเด็กเล็กในครัวเรือนที่ลดลงเรื่อยๆ จาก 48% ในปี 2543 เหลือเพียง 39% ในปี 2566
จริงๆ ก่อนจะมีร่างกฎหมายนี้ บางบริษัทที่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงของพนักงานได้เริ่มออกนโยบายสนับสนุนไปบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ‘9Sail’ บริษัทด้านการตลาดในนิวยอร์กมีวันหยุด 2 วัน เพื่อให้พนักงานได้ดูแลสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ให้เวลาหมาแมวปรับตัวกับที่อยู่อาศัยได้ดีขึ้น ซึ่งเร็วๆ นี้กำลังพิจารณาเพิ่มเป็น 3 วันด้วย
เรื่องนี้ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันต่อไป ส่วนในไทยพบว่า มี ‘บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด’ มีสวัสดิการลาไปดูแลครอบครัว คนรัก หรือสัตว์เลี้ยงที่ต้องได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลสูงสุดมากถึง 10 วันต่อปี