เปิดรายงาน Google ปีที่ 10 ทุ่มซื้อพลังงานสะอาดทุบสถิติ เร่งใช้ AI ลดคาร์บอน

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Google ได้เผยแพร่ รายงานสิ่งแวดล้อมประจำปีครั้งที่ 10 โดยไฮไลต์สำคัญที่สุดคือการลดการปล่อยคาร์บอนจากศูนย์ข้อมูลลงได้ถึง 12% ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการเดินหน้าใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

"เคท แบรนท์" (Kate Brandt) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน (Chief Sustainability Officer) ของ Google กล่าวในรายงานว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา กูเกิลได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่วางไว้ มีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต้องอาศัยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และการทำงานร่วมกันในระดับโลก โดยเฉพาะในยุคที่ AI มีบทบาทสูงขึ้นในชีวิตประจำวัน

ทุ่มซื้อพลังงานสะอาดทุบสถิติ

แม้ว่าในปี 2024 ความต้องการใช้ไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลของ Google จะเพิ่มขึ้นถึง 27% แต่ Google สามารถแยกการเติบโตด้านพลังงานออกจากการปล่อยคาร์บอนได้สำเร็จ โดยใช้พลังงานสะอาดจากโครงการที่ได้ทำสัญญาไว้กว่า 25 โครงการ (เริ่มตั้งแต่ปี 2019) ซึ่งเริ่มจ่ายไฟในปีนี้ รวมแล้วกว่า 2.5 กิกะวัตต์ หรือเทียบเท่าแผงโซลาร์เซลล์กว่า 4 ล้านแผง ส่งผลให้การใช้พลังงานปลอดคาร์บอนแบบรายชั่วโมงเพิ่มจาก 64% เป็น 66%

“เราไม่อาจขับเคลื่อนอนาคตด้วยโครงสร้างพื้นฐานและระบบไฟฟ้าแบบเดิมได้อีกต่อไป การผลักดันนวัตกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง AI จำเป็นต้องเริ่มจากการแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดของยุคนี้ ไม่ใช่เพียงการผลิตพลังงานสะอาดและเชื่อถือได้ในปริมาณมหาศาลเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันด้วย”

พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานใต้ดิน

Google ยังลงทุนจัดซื้อพลังงานสะอาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยเพิ่มอีก 8 กิกะวัตต์ ในปีเดียว นับเป็นการจัดซื้อสูงที่สุดในหนึ่งปี และยังคงมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น พลังงานนิวเคลียร์ขั้นสูง และพลังงานความร้อนใต้พิภพขั้นสูง

“เราต้องยอมรับว่าโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในหลายภูมิภาคยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของเราและซัพพลายเชนได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในบางพื้นที่ของเอเชียแปซิฟิกที่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดยังอยู่ในระยะเริ่มต้น”

ใช้ AI เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม

Google ยังชูบทบาทของ AI ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI 5 รายการของบริษัทในปี 2024 ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกได้รวม 26 ล้านตัน เทียบเท่ากับการตัดการใช้พลังงานของบ้านในสหรัฐฯ กว่า 3.5 ล้านหลังคาเรือน เป็นเวลาหนึ่งปี ตัวอย่างเช่น Nest Thermostat ที่ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงาน, Solar API ที่ช่วยผู้ออกแบบระบบโซลาร์ และระบบนำทางประหยัดน้ำมันของ Google Maps

“เรากำลังนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับชุมชนทั่วโลก ผ่านการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ เช่น FireSat ที่ช่วยตรวจจับไฟป่าได้รวดเร็วขึ้น และ Flood Hub สำหรับการคาดการณ์น้ำท่วม ช่วยให้ผู้คนมีเวลารับมือและดูแลความปลอดภัยของตนเอง ท้ายที่สุด เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้คนหลายพันล้านคน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง”

ปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์

Google ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาศูนย์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงที่สุด โดยในปี 2024 ศูนย์ข้อมูลของ Google ใช้พลังงานส่วนเกินน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมถึง 84% และนำเทคนิคเช่น quantization มาเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกสอนโมเดลภาษาขนาดใหญ่ถึง 39%

อีกหนึ่งความสำเร็จคือ Ironwood ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล Tensor (TPU) รุ่นที่ 7 ของ Google ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นแรกจากปี 2018 ถึง 30 เท่า

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

แบรนท์" กล่าวด้วยว่า Google ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายให้องค์กรมาโดยตลอด ซึ่งเรียกว่า ‘เป้าหมายใหญ่’ (Moonshots) แต่เมื่อใกล้เข้าสู่ปี 2030 ความท้าทายต่างๆ กำลังซับซ้อนและทวีความยากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือ ต้องซื่อสัตย์และเปิดเผยต่ออุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่

"ความจริงคือ แม้การปล่อยคาร์บอนจากศูนย์ข้อมูลของเราจะลดลง แต่การปล่อยคาร์บอนรวมทั้งหมด ซึ่งรวมถึงกิจกรรมของบุคคลที่สาม (third party) ในห่วงโซ่อุปทานที่เราอาศัยอยู่ กลับเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งยังอยู่ภายใต้ระบบพลังงานที่ยังไม่เปลี่ยนผ่านอย่างทั่วถึงในระดับโลก”

แม้บริษัทจะมีการดำเนินงานในหลายภูมิภาคทั่วโลก แต่การลดการปล่อยคาร์บอนของโลกยังไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหรือสม่ำเสมอเพียงพอ

"ในบางภูมิภาคสำคัญ เช่น บางพื้นที่ในเอเชียแปซิฟิก ระบบโครงข่ายไฟฟ้ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทั้ง Google และซัพพลายเออร์ไม่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่พร้อมได้ นี่คือเหตุผลที่เราต้องร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเร่งหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน"

เมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาดใหม่ๆ ที่เราต้องการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานความร้อนใต้พิภพขั้นสูง พลังงานนิวเคลียร์ขั้นสูง หรือแม้แต่พลังงานฟิวชัน เทคโนโลยีเหล่านี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ยังไม่ถูกนำมาใช้ในระดับที่จำเป็น และมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงในการนำไปใช้งานในระดับอุตสาหกรรม

มุ่งสู่เป้าหมาย “Climate Moonshots”

Google ยังคงยึดมั่นในเป้าหมายระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น

“เรายังคงเดินหน้าต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นว่า AI และเทคโนโลยีสามารถสร้างประโยชน์ให้มนุษยชาติ และเรามีหน้าที่ต้องทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและเท่าเทียม”

ภาพ : Pawel Czerwinski/unsplash